วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

คุณคิดอะไรอยู่เมื่อสิ่งใหม่เข้ามา



เมื่อเราได้รับรู้สิ่งใหม่ เหตุการณ์ใหม่ หรืออะไรที่แปลกไปจากสิ่งเดิม สิ่งคุ้นชิน เราจะมีการสนองตอบได้หลายประการ ต่อต้าน ยอมรับ และเฉยๆ
อะไรอยู่เบื้องหลังและผลักดันการสนองตอบนั้น ท่านเคยสังเกตุหรือไม่ เคยตั้งคำถามกับตัวเองไหม
เมื่อเด็กได้กำเนิดมาในโลก ได้รับการเลี้ยงดูจากบุพการี (ผู้ให้ก่อน) ตั้งแต่ยังไม่สามารถสื่อสารด้วยคำพูดได้ การรับรู้ในตอนนั้นจึงยังไม่มีถ้อยคำเข้ามาในใจของเขาเหล่านั้น แต่การสัมผัสทางกายและทางใจเด็กรับรู้ได้ตั้งแต่ยังไม่ถือกำเนิด (รู้ตั้งแต่ปฏิสนธิ..) การรับเข้าจากการเลี้ยงดูนั้นสร้างความทรงจำ ความหมายขึ้นมาทีละน้อย บนความไม่มีอะไร เมื่อเวลาผ่านไป ถ้อยคำที่บุพการีเฝ้ากล่อมเกลา ตั้งแต่ลืมตาดูโลกเวลาจะทำสิ่งใด ก็จะพูดคุย พร่ำบอก เด็กทั้งหลายตอบสนองด้วยกายและใจก่อนเอ่ยวาจาได้ จากการฟังของเด็กเหล่านั้นเขาเริ่มพูดได้ ตอบสนองได้ทางวาจา เราใส่สิ่งใดเข้าไป เด็กก็จะสนองสิ่งนั้นกลับมา เมื่อจำความได้ความเหล่านั้นที่ได้รับมาก็หล่อหลอมมาเป็นฐานของตัวตนของเด็กนั้น
เราทุกคนก็ผ่านช่วงเวลานั้นมา บางคนนานมาก บางคนไม่นาน บางคนจำได้ บางคนจำไม่ได้ บางคนไม่อยากจำ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราจะเผชิญกับสิ่งใหม่เข้ามาในชีวิตเสมอ บางท่านบอกว่า การได้พบกับเหตุการณ์ใหม่เป็นกำไรชีวิต แต่บางท่านบอกว่าไม่ได้พบสิ่งใหม่เลย มีแต่ปัญหาเดิมซ้ำซากอยู่ตลอดเวลา บางคนว่าการที่เราเจอะเจอแต่ปัญหาเดิมนั้นเพราะชีวิตเป็นเหมือนแบบฝึกหัด ถ้าเราไม่สามารถผ่านแบบฝึกหัดที่หนึ่งไปได้ ก็จะต้องทำแบบฝึกหันนั้นซ้ำจนกว่าจะผ่านแล้วจึงจะได้เริ่มแบบฝึกหัดที่สองต่อไป ความแตกต่างกันที่เราพบทำให้คนเราไม่เหมือนกัน ยิ่งเวลาผ่านไปเรายิ่งได้รับและสร้างกรอบการรับรู้ต่างกันตามที่เราประสพ ฝาแฝดที่เกิดจากไข่ใบเดียวกันยังมีชะตากรรมไม่เหมือนกัน
สิ่งที่ทำให้เราแตกต่างกันมาจากตัวเราเอง การรับรู้การสนองตอบ สร้างความคิด การยึดถือ และการปฏิบัติของเราขึ้นมา เราจึงเป็นเราเป็นสิ่งเดียวในจักรวาลที่ดำรงอยู่อย่างไม่มีใครเหมือนเรา ความเป็นสิ่งเดียวทำให้เราสำคัญผิด ว่าเราเป็นเอกในจักรวาลนี้ (เอก=หนึ่ง)
เวลาก็ผ่านไปอีกเวลาที่หล่อหลอมตัวเราผ่านไป ตอนนี้ถึงเวลาที่เราจะเรียนรู้ในการถอดถอนตัวเอง โลกมนุษย์ที่ซับซ้อนนี้ ในความซับซ้อนนั้นมีการเบียดเบียนดำรงอยู่ ทำให้มนุษย์แปลกแยกจากกัน ในการเบียดเบียนมีการเกื้อกูลดำรงอยู่เช่นกัน ทำให้มนุษย์สามารถเชื่อมเข้าหากันได้อีก มีกิจกรรมมากมายที่ไม่จำเป็นในอดีตแต่จำเป็นในปัจจุบัน เช่น การฝึกการต่อสู้ ฝึกการทำกับข้าว เป็นต้น
มนุษย์สร้างสรรพสิ่งแล้วก็ติดยึดกับมัน เราสร้างบ้าน สร้างครอบครัว แล้วก็ยึดถือไว้ใครมาทำร้ายเราต้องปกป้อง ครอบครัวคือเราจะไม่ทิ้งกัน และอื่นๆสารพัดที่เราทุ่มเททำแม้ชีวิตก็สละให้ได้ เราสร้างชาติสร้างประเทศแล้วยึดไว้อีก ใครมารุกรานเราต้องป้องกัน  เราสร้าง โลก Internet โลกเสมือน Online แล้วเราใช้มัน ติดอยู่กับมัน เราต้องเรียนรู้ที่จะสัมผัสกับมันแต่ไม่ติดยึด อันที่จริงแล้วโลกนี้ก็เป็นของมันอยู่อย่างนี้มีหรือไม่มีเราก็จะดำเนินไปตามครรลองของมัน เราต่างหากที่มีโลกในเรา และยึดมันไว้ทั้งที่มันไม่เป็นไปตามเรา
บนชั้นหนังสือขายดีเราพบว่า มีหนังสือหลายประเภทที่ติดอันดับขายดี พิมพ์ขายได้เรื่อยๆ คือ สอนให้สร้างรายได้ สอนให้ทำกิน หนังสือสอนให้ทำใจ นั่นคือมนุษยคิดว่าต้องมั่งคั่ง อิ่มกาย อิ่มใจ จึงจะเป็นความสำเร็จ
ปัจจุบัน นอกจากหนังสือแล้วมนุษย์ยังคงแสวงหาต่อไป กิจกรรมต่างๆที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อตอบสนองมนุษย์มีมากมาย พักผ่อนด้วยการท่องเที่ยว แสวงหากำลังใจให้กับตนเอง เข่น กิจกรรมปลุกยักษ์ในตัวคุณ เป็นมิตรกับตัวเอง ทำร่างกายและจิตให้แข็งแรง สปาบำบัดพิษทางกายและใจ และอื่นๆ อีกมากมาย ในการขายประกันมีบางรายโฆษณาแถมกิจกรรมเหล่านี้มากมายจนจำไม่ได้
มนุษย์ลืมแสวงหาภายใน ท่องเที่ยวไปภายใน เราสร้างและแสวงหาภายนอก จนลืมภายในกายที่กว้างคืบ ยาววา หนาศอกนี้ ...
สิ่งใหม่ที่เราพบเข้ามาในชีวิตเราเลือกที่จะรับรู้และตอบสนองได้ รับรู้เพือถักทอเข้ากับชีวิตเราเมื่อตระหนักว่าเป็นประโยชน์ รับรู้เพื่อจะป้องกันเพราะมันเป็นโทษ รับรู้และจัดวางไว้ในสิ่งที่รับรู้เพราะไม่เป็นทั้งประโยชน์และโทษ และบางอย่างรับรู้เพราะมันเป็นภาคบังคับของชีวิตที่ต้องรับรู้
การรับรู้เราต้องเปิด สิ่งรับของเราทั้งหมด สิ่งรับของเราได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ ให้พื่นที่ในการเรียนรู้ด้วยการปล่อยให้สิ่งใหม่ๆ เข้ามาแล้วสังเกตุ การรับรู้ การตอบสนองของเรา เมื่อจิดใจเราผ่อนคลายเราจะเปิดการรับรู้ได้ทุกส่วน แต่ถ้าจิตใจเราคับเครียดกดดัน ส่วนรับรู้ทั้งหมดจะปิดเราจะกลับมาอยู่กับสมมุติฐานเดิม กรอบความคิดความเชื่อเดิม ด้วยความคุ้นชิน เราไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงใดๆ ส่วนรับรู้ปิดลง การเรียนรู้รับรู้ไม่เกิดขึ้น
สิ่งใหม่ที่มาหากต้องการศึกษาเราต้องเปิดพื้นที่ให้สิ่งนั้นได้เข้ามาในพื้นที่รับรู้เพื่อเรียนรู้มันบนจิตใจที่ผ่อนคลาย บางทีสิ่งใหม่ที่รับรู้จะกระตุ้นสิ่งใหม่ในเราให้เราพบเจอตัวตนที่แท้เอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น