ถ้าเราให้คนอื่นมาดู(วัดเรา) ใช้วิธีของเขา(เป็นมาตรฐาน) มันจะไม่เห็นสิ่งที่เราทำ เราทำอย่างไรเรารู้ของเราและเราวัดตัวเราได้ เราต้องออกแบบวิธีวัดของเราเอง
ความคิดที่ข้างต้นเป็นความคิดที่ท้าทายมาก
การทำบนสมมุติฐานหนึ่งเมื่อมีผลแล้วใช้อีกสมมุติฐานหนึ่งมาวัดและประเมินทำได้หรือไม่
คงไม่มีคำตอบสำเร็จ
ในทางนโยบายแล้วทำได้เพราะผู้คุมนโยบายเป็นผู้วัด สิ่งที่วัดนั้นมุ่งไปในทางที่เชื่อความเป็นกลางของมาตรฐาน(มาตรฐานคือต่ำสุดที่ต้องการและควรจะเป็น)ใช้สำหรับดูภาพรวมเพื่อปรับปรุง
แต่ในทางปฏิบัติหากเราเชื่อว่าเราเหนือมาตรฐาน เราก็ทำอะไรเหนือมาตรฐาน สร้างเอง เชื่อของเราเองและบรรเจิดไปบนทางของเรา ชื่นชมกันเอง มันคล้ายอะไรรู้ไหม มันเหมือนเราคือจักรวาล ครอบรอบทุกสรรพสิ่งและสิ่งที่พบอยู่ในจักรวาลของเราที่เราอธิบายได้เหนือกว่า เราสร้างความเชื่อมั่นนั้นแล้วด้วยจินตนาการบนฐานคิดของเราเรามุ่งไปโดยหวังครอบรอบความเป็นอยู่ที่มีและสัมผัสได้
หากเราตอบสิ่งที่เราคิดได้คือเราเห็นสิ่งที่เราทำ เรารู้ด้วยการวัดตัวเรา นั่นคือความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ เพราะมันประกอบด้วยความเชื่อมั่น ความพยายาม ความระลึกรู้ ความเป็นหนึ่งเดียวและความรู้รอบตามจริง (พุทธศาสนา เรียกสิ่งนี้ว่า ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ซึ่งพัฒนาถึงขีดสุดคือความว่าง)
ในทางยุทธศาสตร์แล้วทำได้ สิ่งที่ไปก่อนย่อมครอบครองพื้นที่ได้มากและบางครั้งทั้งหมด(ISO ทั้งหลายก็เช่นกัน) ยุทธศาสตร์คือภายนอกภายในและการได้เปรียบในการตัดสินและทำ(ให้คนอื่นทำ)
ด้วยระดับการวัดที่มนุษย์มีทุกวันนี้ไม่สามารถวัดทุกสิ่งที่ปรารถนาได้ แต่มนุษย์วัดสิ่งที่ไม่ปรารถนาได้ดีมาก ด้วยระดับการวัดดังนี้ เหตุผล ความรู้สึก และร่างกาย วัดเพื่อจะปฏิเสธ กับวัดเพื่อจะยอมรับ และวัดเพียงแค่เพื่อที่จะวัด บางครั้งวัดเพื่อให้ตนเจ็บช้ำไม่ใช่วัดเพื่อสร้างสรรค์(ลองทบทวนตัวเองดูได้นะครับ)
เมื่อเราทำบางอย่างเราจะเพลิดเพลิน และถ้าเราดื่มด่ำกับมัน ต่อไปเราจะพร่ำถึงมัน การตัดสินก็เช่นกัน ดังนั้น เมื่อเป็นผู้ประเมินเราไม่ควร เพลิดเพลิน ดื่มด่ำ และพร่ำถึง สิ่งเหล่านี้ทำให้เราตกจมอยู่กับความยึดถือ ต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้ อย่างอื่นไม่ใช่ ตราบใดที่ความรู้ไหลไป คนมีความสุข นั่นคือยอดปรารถนา แล้วเราจะวัดหาอะไรในสิ่งที่เราจะไปกำหนดไม่ได้ เราเอาแผนแม่บทมากางเพื่อจะยืนยันความพยายาม ความคิด และความต้องการ(แผนจะแฝงไว้ด้วยสิ่งนี้เสมอ)ของอนาคตที่หวังไว้ในอดีต
โปรดอย่างลืมว่าเราวัดเพื่อพัฒนา นั่นหมายความว่า ศึกษาปัจจุบันเพื่อบีบบังคับอนาคต บนความเป็นไป(สุขหรือเจ็บช้ำ)ของอดีตที่แก้ไม่ได้แต่เรียนรู้ได้
ความท้าทายดั่งนี้นำพาให้โลกเจริญ พัฒนาไปโดยไม่เพลิดเพลิน ดื่มด่ำ และพร่ำถึงอดีต เรารู้ด้วยการวัดตัวเรา นั่นคือความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ เพราะมันประกอบด้วยความเชื่อมั่น ความพยายาม ความระลึกรู้ ความเป็นหนึ่งเดียวและความรู้รอบตามจริง
ที่ทำงาน กะลังง่วนกะการวัดเชียว
ตอบลบขอบคุณมากค่ะ ที่กระตุกให้ฉุกคิด
แตน รฟม.
........
ปล. เสียดายที่พี่ไม่อยู่ใน คยส.... ในภาวะเปลี่ยนแปลงวิธีคิดเช่นนี้ค่ะ
ขอบคุณที่แวะมา
ตอบลบการวัดเพื่อพัฒนาเป็นสิ่งที่ดีที่ควรทำครับ
ตุ๊ดตู่ ร่าเริง
ปล. คยส.และสิ่งทั้งหลายเป็นพลวัตร (Dynamic) เคลื่อนไปเพื่อดำรงอยู่ ภาวะเดิมจะมีแต่เสื่อมลง คยส. ก็จะพัฒนาไปครับ