วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ชิ้นที่หายไป

มี VDO มาจากคุณพินิจ ดูแล้วได้ใช้ความคิดดีครับ ลองดูนะครับ

 VDO ที่ส่งมาใน Line
ดูแล้วเห็นว่ามีชิ้นที่หายไป มันหายไปไหน อย่างไร
อันที่จริงคำนวนได้นะครับ แต่ยุ่งและเข้าใจยาก ลองทำดูเป็นแบบกระดาษนะครับ
เริ่มจากที่เค้าให้ทำตามภาพนะครับ







 

เห็นแล้วนะครับ มายาภาพบางครั้งเราไม่มีความทรงจำในภาพเก่า มันกว้างเท่าใด มันต่อกันอย่างไร ขนาดเป็นเท่าใด เราเพียงแต่เห็นว่า สิ่งที่เขาทำนั้นน่าสนใจ 
บางครั้งเราต้องกลับมาทำซ้ำดูซ้ำถึงจะเห็น 
แวบแรกรู้แล้วว่ามันต้องมีอะไรผิดปกติ แต่ยังไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ต้องทบทวนซ้ำ จึงเข้าใจ

เรียนรู้อะไรจากชิ้นที่หายไป
มายาภาพที่นำเราไปหากไม่ไตร่ตรองเราจะไม่เข้าใจและคิดว่าไม่ควรเป็นไป
ชิ้นที่หายไปนั้นมันอาจเป็นชิ้นที่สร้างความสุขให้คนที่สร้างมายาภาพ ความสุขที่ได้กลืนกินไป
แต่ถ้าเราเป็นเจ้าของชิ้นแห่งความสุขนั้น ดูเหมือนว่าคนสร้่างมายาภาพได้ตัดแต่งและนำชิ้นแห่งความสุขของเราไป ส่วนเราได้แต่นั่งดูและไม่เข้าใจ ส่วนชิ้นแห่งความสุขเขาได้กลืนกินไปแล้วและบอกกับเราว่ามันยังอยู่เท่าเดิม
ดีใจที่ยังได้คิดครับ

วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2557

คาจัย

ภาพคำถามที่ คุณพินิจ ฯ ได้สอบถามมาทาง Line

ได้โจทย์ทางคณิตศาสตร์มาแล้วพยายามอธิบายมัน
มันอธิบายยากบางครั้งเรารู้ว่า ตรรกะนั้นไม่เป็นไปตามที่ปรากฎ
และการตั้งคำถามชักจูงให้คิดไปในทางแห่งคำถามนั้น
ตามภาพคือดูเหมือนมันมีตรรกะที่สอดคล้องกัน
ครั้งแรกที่มันปรากฎขึ้นคำตอบคือ เอาสิ่งที่รวมกันไม่ได้มารวมกัน
มันต้องไม่เท่ากันเป็นธรรมดา
แต่ถ้าเราพยายามหาว่า 1 ที่เพิ่มขึ้นนั้นมาจากไหน ตามคำถาม
เรากำลังตกหลุมพรางแห่งคำถาม
แต่ถ้าจะตอบว่า 1 นั้นมาจากการรวมสิ่งที่ไม่ใช่สิ่งที่นำมารวมกันได้
ดูเหมือนจะไม่มีน้ำหนักเท่าไรในการอธิบาย
จากคาจัยนำมาลองอธิบายในเชิงสมการจะได้ผล ดังนี้


เรียนรู้อะไรบ้างจาก คาจัย
ด้านความรู้ ต้องใช้ความรู้ด้านคณิตศาสตร์มาพิสูจน์ แต่การอธิบายให้กระจ่างต้องไปให้พ้นจากความรู้สึก ต้องออกจากมายาของคำถาม จึงจะหาความจริงที่ปรากฏได้อย่างปราศจากอคติและความรู้สึก
ด้านทักษะ ได้ฝึกการใช้คณิตศาสตร์เบื้องต้น และฝึกการวิเคราะห์ข้อมูล หาความสัมพันธ์ เห็นรูปแบบและนำไปอธิบายได้
ด้านทัศนะคติ ชอบที่จะได้คิดจะได้ไม่เป็นอัลไซเมอร์เร็วเกินไป
โดยรวมชอบครับ
บทเรียนรู้ ชีวิตเป็นเหมือนเช่น "คาจัย" นี้แหละ หากเงินในกระเป๋าคือต้นทุนความเป็นประโยชน์ เราใช้ไป มันหมดไป เรายังติดอยู่กับมายาว่ามันเหลืออยู่ แล้วเอามารวมกันว่ามันยังมีอยู่ มันควรเท่ากัน บางครั้งถ้าเราใช้ไปเราควรคำนึงถึงการใช้มากกว่าสิ่งที่เหลืออยู่ที่เป็นมายา ใช้ไปรู้ว่าเหลือเท่าใดอย่าให้มันหมดไปพยายามเพิ่มมาต้นทุนความเป็นประโยชน์จะได้มีและไม่หมดไป ไม่ต้องมาหาว่าเหลืออยู่เท่าใด มันไม่หมดไปเหมือนใช้อย่างเดียว

วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2557

ความรักและเกื้อกูลด้วยหัวใจ

คำถาม
อาจารย์คะ สวัสดีค่ะ ขอรบกวนคุยด้วยนะคะ จะจัดงานวันคุณภาพ วันที่ 16-17 กันยายน ซึ่งรวม kmและqc แต่พี่แกบอกว่า งานคุณภาพหมายถึง qc อย่างเดียว km ไม่เกี่ยว และพี่แกเป็นวิทยากร qc พี่แกไม่ขอรับผิดชอบงาน km แกจะบอกใครๆว่า งานคุณภาพมีวันเดียว รบกวนขอความเห็นอาจารย์ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
คำตอบ  
ขอบคุณที่คิดถึง ความเห็นของผมในฐานะคนที่เคยทำงานทั้งด้านการจัดการความรู้และการพัฒนาคุณภาพงาน ผมเห็นว่างานทั้งสองอย่างเป็นงานที่ทำให้คนในองค์กรมีความสุข สุขจากการได้ใช้ศักยภาพของตนและกลุ่ม ให้เกิดผลเป็นการเจริญขึ้น (พัฒนา=ทําให้เจริญ) เจริญขึ้นทั้งตนเอง องค์กร(Personal Mastery & Mental Model) ประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งคือการได้แลกเปลี่ยน แพร่ขยายกระจายความเจริญนั้นไปในองค์กร(Team Learning) คุณทั้งสองมีจุดหมายที่เหมือนกันคือทำเพื่อให้คนมีความสุขและองค์กรเจริญขึ้น การประสานกันเพื่อให้สำเร็จประโยชน์นั้นคงต้องเริ่มจากการที่ผู้ขับเคลื่อนทั้งสองด้านสามารถเข้ากันได้ สิ่งนี้ในองค์กรแห่งการเรียนรู้เรียกชื่อให้ยากว่า Shared Vision มันคือการประสานถักทอโยงใยเข้าด้วยกัน การถักทอโยงใยนี้จะเป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมดได้ด้วยการเห็นภาพรวมของทั้งหมด คน ระบบ วัฒนธรรม และอื่นๆ อีก (Systems Thinking) ทั้งนี้ต้องอาศัยรูปแบบความคิดที่เกื้อกูลกันและกัน (Mental Model) นี้คือความเห็นที่เป็นหลักในการให้ความเห็นต่อไป
เมื่อตั้งชื่องานว่าวันคุณภาพ จึงทำให้พี่แกตีความว่าเป็นเรื่องของ QC เพียงอย่างเดียว ซึ่งก็สามารถตีความเช่นนั้นได้ และในการที่พี่แกจะรับผิดชอบและบอกใครๆ ว่างานคุณภาพ QC มีเพียงวันเดียวก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะเป็นผลจากการตีความดังกล่าวมาแล้ว
ทั้งหมดนี้เป็นความเห็นที่เป็นไปตามคำถาม
ความเห็นในสิ่งที่ไม่ได้ถาม
ชื่อนั้นสำคัญไฉน : ถ้าตั้งชื่องานว่า วันแห่งความสุขจากคุณภาพและการจัดการความรู้ หรือชื่ออื่นที่ให้ครอบคลุม ก็จะเป็นเรื่องที่บ่งบอกว่า งานนี้มีสองวัน และเป็นเรื่องการจัดการความรู้ 1 วัน คุณภาพงาน 1 วัน เราแบ่งแยกเพื่อจัดการให้เกิดระเบียบเพื่อความสุขของคนทำงาน
คนนั้นสำคัญกว่า : คนและกลุ่มคือคุณภาพและการจัดการ คนแต่ละคนมีจุดมุ่งหมาย ในจุดมุ่งหมายย่อยมีจุดมุ่งหมายใหญ่ มีจุดเชื่อมเรียงร้อยที่จะถักทอเข้าด้วยกัน ทั้งนี้ต้องอาศัยความเชื่อมั่น(ศรัทธา) ความรัก(จาคะ) ความเป็นระเบียบเรียบร้อยตามความเป็นจริง(ศีล) และปัญญา ที่มาจากใจที่ละเอียดเพื่อความสุขจะเกิดขึ้นได้ อาศัยเพียงแค่สี่สิ่งนี้โลกนี้ก็งดงาม และก้าวไปด้วยกันอย่างรักใคร่เกื้อกูล คนและกลุ่มจะยังความเจริญให้องค์กรได้
ความสัมพันธ์ : การจัดการความรู้ที่เราพยายามเน้นเรื่องการจัดการความสัมพันธ์นั้นเพราะความสัมพันธ์ที่ดีนำมาซึ่งการแพร่กระจาย การใช้ และการสร้างความรู้ 
ทางสายกลาง :  ทุกอย่างมีสองด้านเสมอ ความเห็นว่าสองด้านเป็นปัจจัยแห่งกันและกัน เห็นความเชื่อมโยงที่ทำให้ทั้งสองด้านดำรงอยู่ เกิดขึ้นจากกันและกัน ดับไปด้วยกันและกันตรงกลางนั้นมีความเชื่อมโยงอยู่ นั่นแหละคือเห็นทางสายกลางที่จะเกือกูล สร้างสรรค์

หวังว่าคงเป็นประโยชน์บ้างนะครับ
ด้วยจิตนอบน้อม
ตุ๊ดตู่ ร่าเริง

วันพุธที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

โรเมโร อาเย็นตินา

อาเจนตินา ชนะหลังต่อเวลาแล้วเสมอ และเตะลูกโทษ โรเมโร ประตูอาเจนตินา ซุปเปอร์เซฟ  ได้สองลูก ฝึมือจริงๆ ( แต่ถ้านักเตะอาเจนตินาเตะไม่เข้าก็ไม่ชนะ )

วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เยอรมัน บราฃิล นาทีที่ ๗๘

ขอบคุณภาพด้วย http://www.tlcthai.com/worldcup/7056/วิเคราะห์ฟุตบอลโลก-2014-บรา/

ดูบอลรอบรองชิงชนะเลิศ นาทีที่ ๗๘ เยอรมันขึ้นนำ ๗ ต่อ ๐ นำบราซิลในบ้านของบราซิลเอง
ผมตื่นมาดูเมื่อนาทีที่ ๓๔ งงมากับแต้ม ๕ ต่อ ๐ ดูตอนสรุป เยอรมันได้ลูกแรกตั้งแต่นาทีแรก
และนาทีที่ ๘๙ บราซิลได้ลูกแรกก่อนหมดเวลาการแข่งขัน จบด้วยชัยชนะของเยอรมัน
ดาวซัลโวของโปรแกรมการแข่ง ซึ่งเป็นของโรนัลโด้จากบราซิลถูกแซงหน้าโดยนักแตะเยอรมันด้วย

วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2557

หลักสูตรที่ 2 ของปี

การบันทึกความรู้โดย Note Taker

 เราเริ่มต้นด้วยการ Check in ด้วยหัวใจสีชมพู ซึ่งเป็นของกำนัลจากน้องอ้วนที่ทำให้ก่อนไป เที่ยวญี่ปุ่น
โดย กระบวนกรหญิง รุ้ง เรนโบว์ 

แล้วตามด้วยการนำภาพรวมทั้งหมดของการอยู่ร่วมกันสี่วันสามคืนมาทำให้เห็นภาพเพื่อบริหารความคาดหวังของผู้เข้าร่วมการสร้างความรู้
ตามด้วยการสร้างบรรยาการการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่เน้น เรียบง่ายและผ่อนคลาย

 กิจกรรมสัมพันธ์ที่สร้างความเป็นหนึ่งเดียว
 แล้วมาแนะนำตัวด้วยการหันหลังเข้าหากัน
 หันหลังให้กันเพื่อให้เรียนรู้การหันหน้าเข้าหากัน
และชวนทุกคนกลับไปในวัยเยาว์ด้วยการเดินอย่างไม่มีทิศทาง ย้อนกลับไปจากวันนี้สู่วันที่วัยยังเยาว์
 แล้วจึงเริ่มสนทนากัน แต่ก่อนที่จะสนทนากันเราต้องหยุดตัวเองก่อน หยุดเพื่อระลึกให้ดีก่อนกระโจนเข้าสู่การสนทนา เราหยุดเพื่อจะเริ่มได้เร็วและมีพลัง หยุดอยู่กับตัวเอง 
จากนั้นเราจึงเริ่มบันทึกการสนทนา โดยการสนทนา สามคน หนึ่งคนพูด สองคนบันทึก
เมื่อได้ประจักษ์ด้วยตัวเองแล้วว่า สองคนบันทึกได้ไม่เหมือนกัน เราจึงเรียนรู้ความแตกต่างของคน โดยมุมมองแบบผู้นำสี่ทิศ
อินทรีย์ หมี หนูและกระทิงจึงแยกกันสนทนา ผู้ร่วมมีหนูมากสุด และหมีน้อยสุด กระทิงกับอินทรีย์พอกัน
เราสนทนากันในผู้เหมือนกันเพื่อหาทางปะทะสังสันทน์กับผู้แตกต่างจากเรา โดยสนทนากันด้วยประสบการณ์ จบวันอย่างรื่นรมย์

เริ่มวันใหม่ด้วยกิจกรรมเพื่อการกระชับสัมพันธ์
ตามด้วยการสนทนาเพื่อเข้าใจความแตกต่างในการคิดด้วยรูปแบบหมวกหกใบ คนต่างกัน ความคิดต่างกัน วิธีการนำเสนอย่อมต่างกัน เมื่อเข้าใจจึงจับความรู้แฝงฝังได้

หลังจากนั้นเราทดลองสะกัดความรู้แฝงฝังจากความรู้ของผู้อื่น การทำแกงฮังเล
จบวันด้วยแกงฮังเล

เราเริ่มวันใหม่ด้วยกิจกรรมสานสัมพันธ์เหมือนเดิมหลังจากนั้นเราฝึกฟังในสิ่งที่ไม่มีอยู่ในความคิดเรา เป็นเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสนา เราฟังในความมืดไม่จด ฟังเพื่อจับประเด็นที่มี และจะจดเมื่อเข้าใจ
ฟังเสร็จ ทุกคนจะจดประเด็นของตนไว้ แล้วนำมาแลกเปลี่ยนกัน ดูความเหมือนและความต่างเพื่อให้เห็นจุดสนใจของแต่ละคน แล้วสังเกตว่าเป็นเพราะอะไร ทุกคนจึงเรียนรู้ร่วมกัน
แล้วต่อด้วยทำความรู้จักกับความรู้และเครื่องมือจัดการความรู้ในแบบของ กฟผ.

ดูรายละเอียดของเครื่องมือที่ใช้ SSS BAR AAR เราดูประเด็นการจัดเก็บและและเปลี่ยนกันในรายละเอียดของการจัดเก็บ
ต่อจากนั้นเราสนทนากันเพื่อสะกัดความรู้แฝงเร้นจากตัวเรา ความรู้ที่จะไปสะกัดความรู้ ความรู้ที่จะบันทึกความรู้เราเรียนรู้จากกันและกัน
เพื่อที่จะนำการบันทึกนั้นมาเขียนให้ผู้อื่นได้นำไปใช้ได้ เรามีความรู้ในการบันทึกเป็นของเราเอง
เราจบวันด้วยการมีสิ่งที่เราบันทึกไว้เพื่อนำไปเข้าระบบในวันต่อไป

เริ่มวันใหม่ด้วยการใช้เครื่องขยายอินทรีย์ ขยายศักยภาพ ด้วย Information Technology
จัดทำ และนำขึ้น นำเข้าระบบ

ตัวอย่างผลจากการอบรม
เป็นรูปแบบที่สร้างสรรค์มากครับ

จาก Soft File หรือ Hard Copy นำขึ้นระบบได้ทั้งนั้น
 หลังจากเรานำความรู้เข้าระบบแล้ว
เราจบและจากกันด้วยการ Check out แบบกลับใจ
เชิญชวนทุกคนนำหัวใจที่ Check in กลับมาบันทึกถ้อยคำสั้นๆ และให้ทุกคนได้สะท้อนสี่วันที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน
แล้วเราจากกันด้วยระลึกถึงกัน
เบื้องหลังการจัดทำนี้ ต้องขอขอบคุณผู้สร้างสรรค์บรรยากาศ และความมั่นใจ
อาจารย์อิ่ง สายสาม และอาุจารย์รุ้ง เรนโบว์
และผู้สร้างสรรค์ทั้งหลายที่ไม่เอ่ยนามแต่ให้รูปภาพเป็นผู้บอก

ทั้งนี้ต้องขอบคุณผู้เข้าเรียนรู้ร่วมกันที่ทำให้ความรู้ได้ปรากฎไว้ในโลกหล้าต่อไป
ด้วยจิตนอบน้อม ตุ๊ดตู่ ร่าเริง

วันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

หลักสูตรแรกของปี


ปีนี้มีโอกาสอีกครั้งที่ได้ทำงานที่ชอบ เป็นวิทยากรในหลักสูตรการจัดการความรู้สู่การปฏิบัติ : AAR .ในการทำงาน เอาหลักสูตรจากปี ๒๕๕๕ มาปัดฝุ่น ตัด BAR ออกเพราะผู้จัดไม่ต้องการ แต่เวลาทำ Workshop ก็คงไว้ในการคิดด้วยการสนทนา แบบหกด้าน แลเเชื่อมโยงให้เห็นภาพใหญ่ในการจัดการความรู้กับการบริหารคุณภาพทั่วทั้งองค์กร โดยเอาเรื่อง EGAT WAY ของอาจารย์วิมลไชย มาใส่ไว้ตอนต้น เอาวงจรเรียนรู้อาจารย์พินิจมาใส่ไว้ตอนกลาง

วันแรกของการอบรม ผู้เข้าอบรม มีอายุตั้งแต่ ๒๔ ปี ถึง๖๐ ปี อาชีพหลากหลาย ตำแหน่งต่างกัน ไม่มีคนช่วยเตรียมคน แต่ทุกคนเป็นนักฦึกอบรม มีจิตวิญญาณที่จะร่วมมือกันให้สำเร็์จ ผ่านวันแรกได้เมื่อจบ คิดหกด้าน ทุกคนทำ BAR โดยไม่รู้ตัวคิดว่าฝึกสนทนาแบบคิดหกด้านอยู่

ในช่วงแรกของวันที่ปูพื้นนั้นใช้เวลานานมาก เพราะมัวแต่ดูนาฬิกาหลังห้องที่ไม่เดิน เกือบเลยเวลาไป โชคดีที่เอะใจสอบถามผู้เข้าอบรมจึงได้ความว่าถึงเวลาพักแล้ว ปกติคนเราสนใจอะไรได้ไม่เกิน ๑ชั่วโมงถ้าไม่มีอาการเพลิดเพลิน ดื่มดำ เกิดขึ้นจะรำคาญมาก ต้องมีระยะเว้นเพื่อสร้างความสนใจต่อ

ได้นำการสนทนาแบบสะท้อนมาให้ทดลองในตอนแรก ท้าทายให้ตั้งคำถามกับสิ่งต่างๆ ให้แตะๆ กับความคิดหกด้าน ให้ทดลองสนทนาที่ก่อให้เกิดความรู้ แบบคิดหกด้าน

การสนทนานั้นยังไม่ยกระดับ ผู้คนยังคงสนทนาแบบโต้ตอบไปมาเหมือนตีปิงปอง การฟังยังไม่เกิด

ครั้งนี้ผมไม่มีกระจกภายนอกจึงตั้งกระจกภายในแบบเห็นเป็นจดซึ่งไม่ดีนัก มีบางส่วนที่พยายามสอดแทรกโดยไม่บอกตรงๆ อันนี้เริ่มทำได้บ้าง การตั้งคำถามของตนเองยังพอรับฟังได้ สิ่งที่น่าจะใส่เข้าไปคือการสนทนาที่ค่อยๆ จัดรูปการสนทนา จาก จับคู่ เป็น ๓ คน ๕ คน ก่อน เข้ากลุม การจัดห้องควรบอกไว้ว่าไม่เอาโต๊ะ บรรยาการจะได้เป็นกันเอง บรรยากาศแห่งความปลอดภัยควรเน้นให้มากๆ ตอนพูดถึง KPI ควรแตะให้มากกว่านี้ พี่เลี้ยงกลุ่มไม่มีก็ต้องพยายามมากขึ้นไปอีกหน่อยนึง

ยังต้องปรับปรุงต่อไป

วันพุธที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2557

ทับทิม จาก Facebook คุณศากุน

Sakun Pitikraisorn
วันที่ 17 กรกฎาคม 2556
;*** หายไปนานวันนี้มีเรื่องต้นทับทิมที่บ้านมาฝากค่ะ


ต้นทับทิบต้นนี้สามีได้มาเป็นของขวัญตั้งแต่ย้ายเข้าบ้านใหม่ประมาณปี 2542 จำได้เขาบอกว่าสาวๆที่โรงงานที่ไปเป็นที่ปรึกษาอยู่ให้มา 2 กระถาง ดิฉันเอาวางไว้หน้ารั้วบ้านข้างต้นลีลาวดีทั้งซ้ายและขวา จนต้นลีลาวดีดอกขาวพวงเติบใหญ่เจ้าทับทิมก็ยังขนาดเท่าเดิมอยู่ในกระถาง หน้าร้อนจะแย่หนักหน้าฝนดีขึ้นหน่อย เพราะเจ้าของบ้านคือดิฉันไม่ค่อยมีเวลาดูแลเท่าไหร่มัวแต่หมกมุ่นอยู่กับงาน ที่ทำก็เพียงรดน้ำกับคอยตัดกิ่งเวลามันยื่นเกะกะน่ารำคาญตา
ผ่านไปจนถึงปี 54 น้ำท่วมบ้านสูงมาก ต้นไม้ที่ปลูกไว้เหลือรอดมาหลายต้น แต่ลีลาวดีตายค่ะ เจ้าทับทิมรอดมาต้นเดียวทั้งที่ไม่น่ารอด หลังจากล้างบ้านจัดบ้านเสร็จก็ต้องรื้อและจัดสวนใหม่ ดิฉันให้เขาถอนลีลาวดีออกและปลูกทับทิมต้นนี้ลงไปแทนเพราะในบ้านยังมีปีบต้น ใหญ่(ที่ต้องลุ้นแทบตายให้รอด) ยืนให้ร่มเงาแก่บ้านเพียงพอแล้ว ไม่อยากลงต้นใหญ่อีก และคิดว่าการที่ทับทิมต้นนี้รอดมาคงเพราะเขาเป็นต้นไม้ที่อยู่คู่บ้านนี้ จริงๆ อีกทั้งเชื่อเอาเองว่าทับทิมเป็นไม้มงคลที่ปลูกไว้หน้าบ้านน่าจะเป็นการดี เพื่อกันไม่ให้สิ่งไม่ดีเข้าบ้านค่ะ
วันนี้เขาเติบโตขึ้นกว่าสมัยที่อยู่ในกระถางมากและงามจนออกลูกน่ารักมาให้ เห็น ทั้งที่ผ่านมาสมัยอยู่ในกระถางดิฉันได้มีโอกาสเห็นดอกแค่ไม่กี่วันก็ร่วง ที่งามเพราะตั้งใจดูแลเขาแล้วค่ะ ทั้งเพิ่มดินดีๆใส่ปุ๋ยBEMทุกสองอาทิตย์
เรื่องนี้ทำให้ย้อนนึกถึงวันเวลาที่ผ่านมา ดิฉันมัวหมกมุ่นอยู่กับงานจนไม่ได้ดูแลทั้งตนเอง ครอบครัว รวมไปถึงต้นไม้ วันนี้จึงจัดเวลาพลิกกลับใหม่เป็นให้เวลากับงานน้อยลง แถมไปหาคุณหมอที่่ รพ.รามาฯ ให้ท่านช่วยจัดการกับสุขภาพให้เพราะไม่ค่อยจะดีแล้ว การที่นั่งทำงานมากและไม่จัดเวลาออกกำลังกายเลย ทำให้ดิฉันอ้วนขึ้น เป็นโรคกระเพาะ กรดไหลย้อน ความดันโลหิตสูง และอาจเป็นเบาหวานในไม่ช้า ถ้าไม่รีบไปหาหมอสภาพดิฉันก็คงเหมือนเจ้าต้นทับทิมแต่ก่อนเป็นแน่
เล่ามามากมายเพราะไม่อยากให้หลายๆท่านที่มัวหมกมุ่นอยู่กับงานเช่นกันต้อง เป็นอย่างดิฉัน ต่อไปนี้ทับทิมต้นนี้จะให้ดอกผลที่ยลแล้วชื่นใจไปอีกนานแน่ๆค่ะ ขอให้ทุกท่านสุขภาพแข็งแรงและมีความสุขนะคะ

Sakun Pitikraisorn
วันที่ 18 กรกฎาคม 2556
เมื่อวานเล่าถึงต้นทับทิมที่บ้านว่าช่วงเวลานี้มีเวลาดูแลเขามากกว่าแต่ก่อนที่มัวทำแต่งานจึงได้มีโอกาสเห็นผลของเขาโดยนำเขาลงดินที่ดีใส่ปุ๋ยรดน้ำสม่ำเสมอ
หากทัมทิมต้นนี้เป็นคนทำงานและดิฉันเป็นเจ้าของบริษัทเขาคงน้อยใจจนลาออกไปนานแล้วค่ะเพราะBossไม่สนใจใยดีเอาซะเลย ไม่สนว่าเป็นพันธุ์ดีมาจากไหนมีCompetencyอย่างไรเอ็งนั่งทำงานตรงนั้นก็ทำๆไปแล้วกันเก่งมั้ยเก่งก็ไม่เคยรับรู้คิดไปเองว่าเอ็งก็คงแค่เนี้ย จึงไม่ดูแลทุกข์สุขไม่ให้รางวัลที่เหมาะสมกับความอดทน เป็นคุณจะลาออกมั้ยคะ แต่คนเราบางทีก็ไม่รู้จะไปไหนดี อยู่ตรงนี้มานานทำไปบ่นไปจนชิน บางคนบ้านใกล้ก็ว่าไม่เป็นไร ก้มหน้าก้มตาทำงานไปเรื่อยๆหาความสุขใจใส่ตัวเองก็ได้
จนมาวันนี้ที่เจ้านายพึ่งเห็นว่ายามเจอภัยพิบัติลูกน้องคนนี้มีศักยภาพสามารถสู้อยู่กับบริษัทจนรอดมาได้จึงเริ่มมองเห็นคุณค่าว่านี่คือเพชรเม็ดงามที่ไม่เคยชายตามองเลย
และเมื่อเพชรเม็ดนี้ได้รับการดูแลเอาใจใส่เจียระไนอย่างดีโดยการนำเขาลงปลูกในตำแหน่งที่หมาะสมกับศักยภาพ คอยชี้แนะชื่นชมเหมือนคอยพรวนดินรดน้ำและใส่ปุ๋ยอยู่เสมอ ผลของงานก็ออกมาให้เจ้านายได้ชื่นใจดังผลลูกทับทิมที่ดิฉันได้ชื่นใจทุกครั้งที่เห็น เวลามีวัชพืชมาขึ้นเหมือนมีคนอื่นคอยอิจฉาให้ร้ายดิฉันก็คอยดูตัดออกไม่ให้มากวนใจ
ต้นไม้กับคนจึงแทบไม่ต่างกัน ท่านใดเป็นผู้บริหารคงเข้าใจเรื่องนี้กันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แล้ววันนี้ท่านเห็นเพชรในที่ทำงานที่ท่านไม่คาดคิดว่าจะมีเพราะไม่เคยเพ่งมองคุณค่าของเขาอย่างจริงใจรึยังคะหรือท่านได้ขว้างเพชรที่มีไปลงดินที่อื่นไปซะแล้ว อย่างที่มีคนเก่งและคนดีย้ายหรือลาออกจากองค์กรจากหน่วยงานไปสร้างความเจริญให้ที่อื่น กว่าจะรู้ก็สายเสียแล้ว
บางทีผู้บริหารแบบนี้แหละที่นำพาให้องค์กรเสื่อมลงไปเรื่อยๆ โดยผู้บริหารบนหอคอยก็ไม่รับรู้ รึคงเป็นกรรมเป็นวาสนาขององค์กรเองกระมังคะ
ถ้ายังไงก็ขอให้นึกถึงต้นทับทิมของดิฉันไว้เป็นข้อคิดก็แล้วกันค่ะ.       — at พุทธมณฑลสาย3.


ทับทิมของผม

ต้นทับทิมเมื่อแรกปลูกที่ลำปาง

ผมได้อ่านเรื่องทับทิมของคุณศากุน ตามเรื่องราวข้างต้นแล้วเกิดแรงบันดาลใจบางประการผมได้ขออนุญาตคุณศากุนเพื่อนำมาต่อยอดความคิดตามที่มีแรงบันดาลใจ ซึ่งคุณศากุนตอบว่ายินดี ผมรอเวลาเพื่อพิสูจน์บางอย่าง บางอย่างที่ผมได้ประสบกับตนเอง
ผมเองก็ย้ายต้นทับทิมจากบ้านหลังเดิมที่เคยอาศัยอยู่มาเป็นเวลาสิบกว่าปี ตัดต้นและขุดมาปลูกในบ้านหลังใหม่ รอเวลาว่าเมื่อเขาเจริญออกดอกออกผลแล้วจะได้นำมาต่อยอดจากความคิดที่คุณศากุนได้ให้ทัศนะไว้ ตอนนี้ทับทิมที่ผมตัดและขุดมาได้เติบโตและมีดอกผลให้เห็น ใช้เวลาจากที่นำมาจนถึงวันนี้ประมาณหนึ่งปีสามเดือน ทับทิมของคุณศากุณอยู่ที่พุทธมณฑลสายสาม กทม. ทับทิมของผมอยู่ที่ตำบลพิชัย อำเภอเมืองจังหวัดลำปาง ทับทิมของคุณศากุนย้ายที่ไม่ไกลได้รับการดูแลใส่ปุ๋ยเมื่อย้าย ทับทิมของผมเพียงแต่เอามาปลูกลงดินและอยู่ห่างจากที่เดิมประมาณสิบกิโลเมตร ผมไม่รู้ว่าทับทิมของคุณศากุนใช้เวลาเท่าใด แต่ถ้าประมาณจากน้ำท่วม และมาย้ายปรับปรุงแล้วลงดินที่ใหม่แล้วคงประมาณไม่ต่ำกว่าปีกับเจ็ดเดือน 


ทับทิมที่บ้านลำปางที่ย้ายมาเริ่มออกดอกและผล

ผมอยากจะตั้งประเด็นเพื่อแลกเปลี่ยกันสักสามประเด็นครับ ความหมายของทับทิม การดำรงอยู่ และการเรียนรู้
ความหมายของทับทิม
ทับทิมในความหมายของคุณศากุน "เขาเป็นต้นไม้ที่อยู่คู่บ้านนี้ จริงๆ อีกทั้งเชื่อเอาเองว่าทับทิมเป็นไม้มงคลที่ปลูกไว้หน้าบ้านน่าจะเป็นการดี เพื่อกันไม่ให้สิ่งไม่ดีเข้าบ้านค่ะ"
ในความหมายของผม "ทับทิมเป็นไม้มงคลและมีประโยชน์ทางโภชนาการ" ผมปลูกไว้ไม่หน้าบ้านนักแต่อยู่เคียงกับเสาหน้าบ้านและอยู่ด้านตะวันออก เพื่อความเป็นสิริมงคลเช่นกัน
จากความหมายนี้คุณศากุนได้จัดการที่อยู่ ดูแลและชื่นชมกับผลของทับทิม ตามสมควรจนได้ผลสมความหมายของทับทิม ในขณะที่ผมนอกจากมีใจหวังรดน้ำไม่ได้พรวนดินแถมยังจัดต้นชาดัดอยู่ที่โคนต้นเพื่อความสวยงาม ผมเชื่อของผมว่าต้นทับทิมเหมือนเสาที่สามของหน้าบ้านที่จะสร้างสิริมงคล เสี่ยงทายว่าถ้าเขาเจริญงอกงาม เราจะเจริญงอกงามไปด้วย และเพื่อผลทางโภชนาการผมหวังว่าครอบครัวเราจะได้รับประทานทับทิมนี้ด้วยครับ
การดำรงอยู่
การดำรงอยู่ของทับทิมที่คุณศากุนวาดภาพไว้ คือ "ต่อไปนี้ทับทิมต้นนี้จะให้ดอกผลที่ยลแล้วชื่นใจไปอีกนานแน่ๆค่ะ"
สำหรับผมการดำรงอยู่ของทับทิมคือการเสี่ยงทายต่อความเป็นไปของผมตามที่ได้ให้ความหมายไว้
ด้วยเหตุดังนี้ ผมและคุณศากุนคงปฏิบัติต่อทับทิมต่างกัน การดำรงอยู่เพื่อความงอกงามย่อมได้รับการดูแล ส่วนการดำรงอยู่ที่เป็นการเสี่ยงทายย่อมต้องได้รับการปล่อยปละละเลยเป็นธรรมดา
การเรียนรู้
คุณศากุนเรียนรู้โดยพูดถึง ตน ผู้บริหาร และองค์กร แล้วให้"นึกถึงต้นทับทิมของดิฉันไว้เป็นข้อคิดก็แล้วกันค่ะ" (ย้อนกลับไปอ่านอีกครั้งข้างต้นนะครับ)
สำหรับผมทับทิมทำให้ผมเรียนรู้อะไรบ้าง ทับทิมเป็นไปในชีวิตอย่างนั้นด้วยองค์ประกอบใหญ่สองประการ อย่างแรกเป็นผลที่ผู้ปลูกปฏิบัติต่อเขา และอย่างที่สองซึ่งสำคัญเขามีชีวิตของเขาอย่างนั้นเอง คำว่าชีวิตของเขานั้นต้องดำรงอยู่ท่ามกลางสภาวะแวดล้อมที่เข้ามาหาและทำให้เป็นไป ธรรมชาติแวดล้อมชีวิตนั้น ดิน น้ำ ลม ไฟ ความสัมพันธ์กับชีวิตอื่นที่เกื้อหนุนและเบียดเบียน พีชด้วยกันหรือสัตว์ก็ตามแต่
อย่างแรกเป็นความสัมพันธ์ฺเชิงเดี่ยว ความสัมพันธ์นี้เป็นไปได้หลายแบบ ขึ้นอยู่กับผู้ปลูกเป็นสำคัญ ทะนุบำรุงหรือปล่อยปละละเลย ทะนุบำรุงมากไป ทะนุบำรุงน้อยไป ทะนุบำรุงพอดี ปล่อยปละแบบให้อิสระ ปล่อยปละแบบละทิ้ง ปล่อยปละแบบจะจับแต่แสร้งปล่อย ทั้งนี้เป็นระบบอำนาจคาดหวังบังคับกดดัน หรือระบบอุปถัมภ์ค้ำชูพึ่งพาอุปถัมป์ หรือระบบยืนหยัดด้วยความสามารถของรากแห่งตน
อย่างที่สองเป็นความสัมพันธ์เชิงสัมพัทธ์ ความสัมพันธ์นี้อาศัยโยงใยสลับซับซ้อนไม่ขึ้นอยู่กับผู้ใด ความสัมพันธ์เป็นไปในการให้และรับอย่างสมดุล อาศัยดิน น้ำ ลม แสงแดด(ไฟ) อย่างได้ดุลยภาพ รับและให้อย่างเป็นมิตรไมตรีเข้าใจในเจตจำนงของสรรพสิ่งที่สัมพันธ์อย่างเมตตาและอดทน เช่น อยู่กับแมลงที่กัดกินและผสมเกสร อยู่กับพืชอื่นอย่างแบ่งปัน ดิน น้ำ ลม และแสงแดด เป็นต้น
ทั้งหมดนี้บ่งชี้ว่า สรรพชีวิตล้วนมีเจตจำนงค์ในการดำรงอยู่เพื่อ เติบโต พัฒนา สู่ความสมบูรณ์ ยังความสดชื่น แจ่มใส และมีกันและกันในดุลยภาพแห่งสรรพชีวิต
จากจิตปรารถนาดี
ด้วยจิตนอบน้อม
ตุ๊ดตู่ ร่าเริง

วันอังคารที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2557

ผู้เบิกทาง : คาลิล ยิบราน

บางส่วนจากหนังสือ ผู้เบิกทาง
คาลิล ยิบราน ผู้เขียน
กิติมา อมรทัต แปล