วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2556

โครงการแจกเพื่อนแท้ เล่มที่ 3, 4, 5 และ 6

                                     หนังสือคือมิตรแท้           ของฉัน
                              หลับตื่นมีแต่มัน                     อยู่ใกล้
                              สุขทุกข์สารพัน                      มันให้
                              สบายจิตใจไซร์                     เมื่อได้อ่านมัน

(ทิพย์ พัชน์ศรี)
ก่อนสุดสัปดาห์แจก 4 เล่มรวด ยังเป็นประเภทนวนิยายครับ 

เล่มที่ 3
หนังสือ    หักเหลี่ยมเจ้าพ่อ ผู้แต่ง เจฟฟรีย์ อาร์เชอร์ ผู้แปล/เรียบเรียง วีแม่น อิทธิหิรัญวงศ์ เรื่องแปล ชนิดปก    อ่อน ISBN     974 526 008 4 จำนวนหน้า 444 พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ย. 2520 สำนักพิมพ์รวมสาสน์ ขนาด11 x 18 ซม. น้ำหนัก 260 กรัม สภาพเก่า ครบหน้า ราคาขายตอนนั้น 37 บาท



... ฮาร์วีย์ แม็คคาล์ฟ เจ้าพ่อวงการน้ำมันและหุน ใช้เวลาสร้างตัวเองมากว่า 25 ปี ด้วยเล่ห์กลสารพัด ทางการตำรวจทั่วโลกพยายามใช้กฏหมายเล่นงานเขาให้อยู่มือ แต่ฮาร์วีย์ไม่เคยพลาดที่จะทิ้งหลักฐานใดๆ ให้ผูกมัดต่อเขาได้...
...4 หนุ่มต่างอาชีพผู้มีอนาคตไกลเป็นเหยื่อติดกับกลโกงธุรกิจของเจ้าพ่อจนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว ด้วยความแค้น ทั้งสี่จึงรวมหัวกันวางแผนซ้อนเพื่อหลอกเอาเงินคืนมาให้ได้ด้วยวิธีแยบยลสะใจ และใช้ความรู้ในวิชาชีพหลักของแต่ละคนมารวมกัน
"ข้าขอสัญญาว่าจะต้องหลอกเอาเงินที่มันโกงไปกลับคืนมาให้ได้พร้อมดอกเบี้ยนับตั้งแต่วันแรก ไม่ให้ขาดไม่ให้เกินแม้แต่เก๊เดียว..." 



เล่มที่ 4


หนังสือ    เดอะ ซิตาเดล ผู้แต่ง    A.J. Croni 
ผู้แปล/เรียบเรียง สาธาร เรื่องแปล ชนิดปกอ่อน จำนวน 306 หน้า
พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ย. 2520 สำนักพิมพ์ประพันธ์สาสน์ 

ขนาด11 x 18 ซม. น้ำหนัก 160 กรัม 
สภาพ เก่า ครบหน้า ราคาขายตอนน้้น 15 บาท

เรื่องหมอๆ 
แอนดรูพยายามเป็นหมอที่ดี แต่ เขาถูกกล่าวหาด้วยหมอทั้งหลายที่หวังจะไม่ให้เขาเป็นหมออีกต่อไป เขาจะผ่านไปได้หรือไม่
เป็นเรื่องหมอๆ จริงๆ 
อ่านแล้วจะเข้าใจและไม่เข้าใจหมอ 555








เล่มที่ 5
หนังสือ บ้านผี ผู้แต่ง เจย์ แอนสัน ผู้แปล/เรียบเรียง พรจิต อัศวกุล เรื่องแปล ชนิดปกอ่อน จำนวน 309 หน้า
สำนักพิมพ์บรรณกิจ ขนาด11 x 18 ซม. น้ำหนัก 190 กรัม สภาพเก่า มีหน้าเกิน ราคาขายตอนนั้น 21 บาท



เรื่องเกิดในปี 1975 ( พ.ศ.2518) ครอบครัวลูทธ์ ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังหนึ่งซึ่งเขาต้องเผชิญอะไรที่น่ากลัวตลอด 28 วันที่ย้ายเข้าไปอยู่ 
ล้วครอบครัวบลูทธ์ จะอยู่ได้หรือไม่









เล่มที่ 6
 หนังสือ ลูบหนวดปัวโร ผู้แต่ง อากาธา คริสตี้ ผู้แปล/เรียบเรียง ปรีชา- ตวงตา เรื่องแปล ชนิดปกอ่อน จำนวน 336 หน้า ขนาด11 x 18 ซม. น้ำหนัก 180 กรัม สภาพ เก่า ดี ครบหน้า ราคาขายตอนนั้น 24 บาท


 ก็เรื่องนักสืบ สืบสวนที่ลือสั่นนะแหละครับ











โปรดแจ้งความจำนงมายัง rarearntoo@gmail.com เรื่อง Subject : ขอรับหนังสือเล่มที่ ...(ระบุเล่มที่ต้องการ) โปรดแจ้งชื่อ นามสกุล ที่อยู่ที่จะให้จัดส่งหนังสือ

โปรดอ่านเจตนาของผมที่จะแจกเพื่อนแท้ ที่ หนังสือคือมิตรแท้

อาทิตย์หน้าจะแจกหนังสือ ประเภท How to. นะครับ โปรดติดตาม  

วันอังคารที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2556

Student of Life: โครงการแจกเพื่อนแท้ เล่มที่ 2 โปรดติดตามโดยพลัน

Student of Life: โครงการแจกเพื่อนแท้ เล่มที่ 2: ...หนังสือคือมิตรแท้  ของฉัน หลับตื่นมีแต่มัน       อยู่ใกล้ สุขทุกข์สารพัน       มันให้ สบายจิตใจไซร์      เมื่อได...

วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2556

คนกับต้นไม้

พระธาตุลำปางหลวง อ.เกาะคา จ.ลำปาง
คนก็คนอย่างเราๆ ท่านๆ นี่เหละ
ลองหันไปรอบๆ ซิ เห็นอะไรบ้าง มีต้นไม้ในสายตาไหม หรือเห็นแต่ปัญหา
ดูต้นไม้ที่พื้นดินซิ พืชคลุมดินมีเยอะมาก หญ้าเป็นพื้นฐาน บางคนปลูกหญ้าที่ต้องดูแล บางคนปลูกหญ้าแล้วไม่ดูแล
นั่นต้นไม้พุ่มเตี้ย นั่นต้นไม้พุ่มกลาง นั่นต้นไม้ใหญ่ นั่นต้นไม้ยักษ์
นั่นไม้เมืองร้อน นั่นไม้เมืองหนาว นั่นไม้ที่สูง นั่นไม้ที่ราบ นั่นไม้ขั้วโลก นั่นไม้เส้นศูนย์สูตร
นั่นไม้เลื้อย นั่นไม้เถา(มันต่างกันไง) นั่นไม้อิง นั่นไม้ล้มลุก นั่นไม้ยืนต้น โฺฮ สาระพัดต้นไม้
ปกติ ต้นไม้เกิดอย่างไรก็จะเป็นอย่างงั้นไปจนตาย
หากเปรียบกับคน คงเปรียบไม่ได้ คนเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปจนตาย 555
ตอนเข้าทำงานเป็นไม้ล้มลุก ผ่านเวลาไปสักปีสองปี เป็นไม้เลื้อย หรือไม้อิง ผ่านไป ห้าปีเป็นไม้พุ่มเตี้ย ผ่านไป สิบถึงสิบห้าปี เป็นไม้พุ่มกลาง ผ่านไปอีกสักห้าปี ตอนนี้มีทางเลือก(บางทีไม่ได้เลือก บางทีเป็นลิขิตฟ็า บางที ... ช่างมันเฮอะ) เป็นไม้พุ่มใหญ่ หรือเป็นไม้ประดับ ตอนต่อไปเป็นดั่งนี้
เป็นไม้พุ่มใหย่แล้วพัฒนาเป็นต้นโพธิ์ต้นไทร เป็น ร่มเงา เป็น ตำนาน เป็น ที่กล่าวขาน
อีกทาง พัฒนาเป็น ไม้ประดับ ต่อมาเป็นไม้ตายซาก และที่พัฒนาไปต่อ คือ ไม้ใกล้ฝั่ง

ดูองค์พระธาตุซิ งดงาม ไม่มีต้นไม้สักต้น ยังงดงาม

วันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เรียนรู้ระหว่างการเดินทาง

เมื่อเราเดินทางการพบเห็นสิ่งต่างๆ สร้างการเรียนรู้ได้ มีคำกล่าวว่า
"ผู้ได้อ่านหนังสือหมื่นเล่ม เดินทางหมื่นลี้ย่อมเป็นนักปราชญ์"(ขงจื้อ)
 วันที่ 23 พฤศจิกายน 2555 ผมมีกำหนดเดินทางจากจังหวัดอุบลราชธานี กลับบ้านที่จังหวัดลำปาง หลังจากเป็นวิทยากรในหลักสูตร BAR & AAR Workshop. ที่เขื่อนสิรินธร ออกเดินทางจากเขื่อนสิรินธรโดยรถยนต์ กฟผ. เวลา 06.50 น. น้องพามาส่งที่สนามบินนานาชาติอุบลราชธานีเวลา 07.30 น. Check-in เสร็จเรียบร้อยลาจากกัน น้องๆ เดินทางต่อไปยังจังหวัดขอนแก่น บอกน้องไม่ต้องห่วงเวลาขึ้นเครื่องบินประมาณ 08.30 น. เครื่องบินจะออกเวลา 09.00 น. และไปถึงจังหวัดเชียงใหม่เวลา 10.10 น. เมื่อถึงเวลา 08.50 น. มีประกาศจาก แอร์เอเชียว่าเครื่องบินล่าช้ากำหนดเวลาออกไหม่เป็นเวลา 10.50 น. ขณะนั้นคิดเพียงว่าไม่เป็นไรคงไปถึงบ้านลำปางไม่เกิน 14.00 น. เอากระเป๋า Load แล้วไม่เป็นไรมีเป้ใบเดียวกับคอมพิวเตอร์ก็เดินเตร่ในสนามบินไปและหาอาหารเช้าง่ายๆ รับประทานไปก่อน เลือกทานข้าวต่้มหมูจากร้านริมสุดด้านซ้ายมือ เหมือนข้าวสวยใส่น้ำต้มหมูพอแก้ขัดไปได้ นั่งรอพลางเล่นโทรศัพท์เชื่อมต่อ Wifi ของ กระทรวง ICT สมัครโดยใช้เลขที่บัตรประชาชน เชื่อมต่อได้เร็วพอสมควรอ่าน Email และเล่น Facebook ได้ เบื่อก็เดินไปรอบๆ ห้องพักรอมีคนร่วมชะตากรรมหลายร้อยคน บางคนเข้าไปรอด้านในห้องผู้โดยสารขาออก แล้วกลับออกมาใหม่
เวลา 10.30 น. มีประกาศว่าเนื่องจากต้องรอเครื่องบินขาเข้าเที่ยวบินจำเป็นต้องล่าช้ากำหนดการบินใหม่ยังไม่ระบุ ขอให้ผู้โดยสารมารับคูปองอาหาร มูลค่า 80 บาทได้ที่ Counter Check-in ผู้โดยสารเริ่มกระวนกระวาย มีผู้โดยสารท่านหนึ่งถึงกับอุทานว่าอะไรกันผมมีประชุมที่จังหวัดเชียงใหม่อย่างนี้เสียหายหมดอุตส่าห์เหมารถมาจากจังหวัดสุรินทร์ตั้งแต่เช้าเพื่อเดินทาง และต่อด้วยระบุว่าเที่ยวบินของแอร์เอเชียเป็น FD ย่อมาจาก Flight Delay ท่านบอกว่าเพื่อนที่ประเทศสิงคโปร์เป็นผู้บอก มีผู้โดยสารอีกกลุ่มน่าจะเป็นดาราหรือนักร้องที่มีงาน Event ในจังหวัดเชียงใหม่ประมาณ 4 ท่าน รู้สึกมีอารมณ์ไม่พอใจมากพูดกันว่าน่าจะคืนตั๋วแล้วกลับไปเที่ยวจังหวัดอุบลราชธานีต่อดีกว่า ผมไปขอรับคูปองอาหารจากพนักงานภาคพื้นดินที่ Counter Check-in พนักงานระบุว่าใช้ได้ทุกร้านยกเว้นที่ร้านแบล็คแคนยอน ผมเดินไปดูรอบๆ มีหลายท่านได้นำไปแลกอาหารประเภทต่างๆ ผมสังเกตุดูมีร้านอาหารอยู่ประมาณสี่ร้านไม่รวมร้านแบล็คแคนยอน อาหารที่มีเกือบทุกร้านคือซาลาเปาและขนมจีบ นอกจากนั้นมีอาหารตามสั่งบ้าง ขนมเค็กบ้าง มีอยู่ร้านหนึ่งที่นำอาหารแช่แข็งปรุงสำเร็จของ CP เช่น สปาเก็ตตี้ เป็นต้น ซึ่งนำมาอุ่นแล้วจะขายราคาประมาณ 100 - 120 บาท ผม่ทานกาแฟสดร้อน 1 แก้ว ขนมจีบชุดเล็ก 4 ชิ้น และน้ำเปล่า 1 ขวด เป็นราคา 80 บาทพอดี คูปองนี้ร้านค้าไม่ทอนเงินสดให้เราต้องใช้ให้หมด บางคนบ่นว่าค่าเสียเวลาเราได้เพียงเท่านี้หรือ มีค่าเพียง 80 บาทเท่านั้นเอง
ผมสอบถามพนักงานแอร์เอเชียว่าเราจะได้ค่าเสียเวลาหรือไม่ เธอตอบว่า หากเราซื้อประกันมาจะได้รับค่าเสียหาย ผมไม่ค่อยเข้าใจเรื่องประกันเท่าไรนักสอบถามน้องเพิ่มเติมว่าแล้วบัตรโดยสารของผมรวมค่าประกันด้วยหรือไม่ เธอตรวจสอบให้แล้วแจ้งว่าไม่มีค่ะ
เวลา11.30 น. มีประกาศว่ากำหนดเวลาออกใหม่เป็นเวลา 13.55 น. สอบถามพนักงานเธอบอกว่าเครื่องจากเชียงใหม่้ไม่มีต้องนำเครื่องจากกรุงเทพไปรับที่เชียงใหม่และจะมาถึงอุบลฯ ประมาณ 13.30 น. กำหนดเวลานี้แน่นอนแล้ว ผมแจ้งกับเธอว่าผมต้องการเบิกเงินที่ตู้ ATM ซึ่งภายในสนามบินมีเพียงตู้เดียวและเสีย เธอเอื้อเฟื้อพาไปส่งที่หน้า รพ.โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ซึ่งไม่ไกลจากสนามบินเท่าไรนัก ระหว่างรอเธอรับกลับอยู่ด้านหน้าโรงพยาบาลนั้นได้เห็นรถเข็นขายลูกชิ้นทอดหลายเจ้าจอดเรียงกันสังเกตุดูมีลูกชิ้นทอดแล้วมีผักสดไว้ให้ด้วยเมื่อลูกค้ามาซื้อลูกชิ้นจะเลือกหยิบผักสดไปด้วย เป็นการดีต่อสุขภาพเมื่อพนักงานแอร์เอเชียมารับได้สอบถามเธอ เธอเล่าว่ามีทุกเจ้าในจังหวัดอุบลและย้อนถามว่าที่อื่นไม่มีหรือ บอกเธอว่าที่จังหวัดลำปางไม่มี
กลับมาถึงสนามบินเวลา 12.30 น. หิวไปทานอาหารร้านเดิมเมื่อเช้า แต่เปลี่ยนเป็นข้าวราดผัดกระเพราหมูยอไข่ดาวและน้ำเปล่า 1 ขวด ราคา 80 บาทพอดี ทานเสร็จเข้าห้องน้ำแล้วเข้าไปรอในห้องผู้โดยสารขาออก ผ่านเครื่องตรวจต้องเอาคอมพิวเตอร์ออกจากกระเป๋าเหมือนที่สุวรรณภูมิ แต่ผ่านเครื่องทั้งที่มีสร้อยพระที่ผ่านเครื่องที่ไหนก็จะดังแต่ผ่านเครื่องที่สนามบินอุบลฯ ไม่ดัง ระหว่างรอเครื่องเหลือบไปเห็นร้านแบล็คแคนยอนที่ลูกค้า AIS จะได้เครื่องดื่มฟรี 1 แก้ว เลยใช้บริการฟรีซะ
เวลา 13.50 น. เรียกขึ้นเครื่องเห็นผู้ร่วมชะตากรรมต่างไปด้วยกันรวมทั้งกลุ่มดาราหรือนักร้องด้วย เครื่องถึงเชียงใหม่เวลา 15.30 น. ระหว่างรอกระเป๋าได้ติดต่อ TAXI Meter ในห้องผู้โดยสารขาเข้าเพื่อไปยังสถานีขนส่งอาเขตุ ราคา 170 บาท รับกระเป๋าแล้วออกมารอเป็นคิวที่ 13 รอประมาณ 15 นาทีมีรถมารับเดินทางไปถึง เวลา 16.00 น. TAXI ส่งที่อาเขตุ 3 เป็นสถานีรถปรับอากาศชั้น 1 สอบถามไม่มีรถที่แน่นอนต้องรอที่ว่างจึงจะขายตั๋วให้ เลยลากกระเป๋าข้ามมายัง อาเขตุ 2 ห่างกันประมาณ 100 เมตร ซื้อตั๋วรถตู้เชียงใหม่ลำปาง ราคา 71 บาท รถมีออกทุกหนึ่งชั่วโมง เที่ยวแรก 06.30 น. เที่ยวสุดท้าย 18.30 น. ผม่ได้รถเที่ยว 17.30 น. ต้องรอประมาณ 1 ชั่วโมง ไม่รู้จะไปไหนเพราะมีกระเป๋าเป็นตัวถ่วงนั่งรอเวลาประมาณ 17.20 น. รถมาถึง รถตู้นี้นั่งได้ 17 คน ข้างคนขับ 2 คน ข้างหลัง 5 แถวๆ ละ 3 คน ต้องเลือก(แย่่งกัน)ที่นั่งเอาเองขึ้นเป็นคนที่ 12 ได้ที่นั่งแกวที่ 2 คนขับรถตู้เป็นผู้หญิง กระเป๋าเดินทางวางตรงประตูทางขึ้นมีคนอื่นอีกคนเอากระเป๋าเดินทางมาเหมือนกันนึกว่าต้องเอาไว้ข้างบนแต่คนขับอาตั้งไว้ทั้งสองใบซ้อนกันตรงประตูทางขึ้น รถออกก่อนเวลาเล็กน้อย เย็นวันศุกร์รถแน่นถนนมาก จากเชียงใหม่มาลำพูนรถเยอะมาก เลยจากลำพูนรถน้อยลงมาถึงสถานีขนส่งลำปางเวลา 19.00 น. เหมาะรถสองแกวมายังบ้านพักตำบลพิชัย อำเภอเมืองลำปางห่างจากสถานีขนส่งลำปาง 18 ก.ม. ถึงบ้านเวลา 20.00 น.การเดินทางที่ยาวนานจบลงครั้งนี้ที่บ้าน ตลอดระยะทางเมื่อออกจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งผมจะรายงานให้ผู้ที่รอคอยได้ทราบว่าถึงไหนแล้วเพื่อให้ทั้งเขาและเราสบายใจคลายความกังวลใจ
มาถึงเชียงใหม่ช้ากว่าที่กำหนดเดิม 5 ชั่วโมงกว่า (จาก 10.10 น. มาถึง 15.30 น.) ตลอดเวลาของการเดินทางที่ยาวนานนี้ได้เรียนรู้ที่จะรอคอย รอเวลา รอกำหนดที่จะมาถึง พลางคำนึงว่าเรามีทางเลือกไหมทางเลือกที่จะทำให้ระยะทางและเวลาลัดสั้นถึงที่หมายตามปรารถนา ทางเลือกอาจมีมากกว่าหนึ่งทางแต่ทางที่ทำแล้วมีเพียงทางเดียวทางที่ทำแล้ว การตัดสินใจเหมาะสมในแต่ละครั้งแล้วและสิ่งที่ทำแล้วทำคืนไม่ได้
เป็นวันเวลาอันยาวนานสำหรับการเดินทางกลับ บอกกับผู้คนทั้งหลายว่า เวลาประกอบด้วยสิ่งสำคัญสองประการคืออดทนและรอคอยได้ บนพื้นฐานประการสำคัญคือเมตตา สิ่งนี้คือพื้นฐานการคิดของผมด้วยเช่นกัน อดทนและรอคอย ด้วยความเมตตา 
ชีวิตเป็นของที่ต้องพึ่งพาสิ่งภายนอก ถ้าเราพึ่งสิ่งภายนอกน้อยเพียงใดเราจะกำหนดสิ่งต่างๆ ใกล้เคียงความเป็นจริงมากขึ้น ถ้าเราพึ่งพาสิ่งภายนอกมากเราก็จะกำหนดสิ่งต่างๆ ห่างไกลจากความเป็นจริงมากขึ้นด้วย

วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2555

BAR & AAR แบบ 4 ทิศ และคิด 6 แบบ

หลังจากที่ออกแบบหลักสูตร BAR & AAR Workshop และได้นำเสนอไปทั้งหมด 3 รุ่น ในบริบทที่แตกต่างกันกับคนที่แตกต่างกัน ทำให้พบว่าผลของการนำเสนอนั้นแตกต่างกัน
ผมออกจากบ้านลำปางในวันอาทิตย์ 18 เพื่อไปขึ้นเครื่องที่เชียงใหม่ ในวันที่ 19 ไปถึงอุบลแล้วเดินทางต่อไปยังเขื่อนสิรินธร อบรมวันที่ 20-21 และต้องพักอีก 1 วันเพราะไม่มีเครื่องบินกลับ ทั้งนี้มีวิทยากรในพื้นที่ร่วมด้วย 2 ท่าน มีรถบริการตลอดเวลา

รุ่นแรกมีรายชื่อผู้เข้าอบรม 45 คน เป็นคนที่มีระดับแตกต่างกันตั้งแต่ผู้ปฏิบัติงานหน้างานจนกระทั่งถึงผู้บริหารระดับกลางมีเวลาอบรม 2 วัน เป็นการอบรมในสถานที่ทำงาน เมื่อถึงเวลาอบรมผู้บริหารเปิดอบรมถ่ายรูปร่วมกันอย่างคับคั่ง หลังจากนั้นมีผู้เข้าอบรมในการอบรมเมื่อ check-in 26 คน ในสถานปฏิบัติงานนั้นมีงานมากที่ผู้มีชื่อเข้าอบรมต้องดำเนินการ การตรวจประเมิน การจัดทำแผนยุททศาสตร์ การเตรียมงานใหญ่ที่จะมาถึงในอีกสองสามวันข้างหน้า ผู้คนหายไปเรื่อย จนเมื่อจบการอบรมมีผู้อยู่ร่วมเมื่อจบ 11 คน



ภายหลังพิธีเปิด วิทยากรของกิจกรรมนำ Check-in ด้วยรูปหัวใจ และมีกิจกรรมละลายน้ำแข็งบ้าง น้องนุ และน้องอ๋อย จากโรงไฟฟ้าพลังน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขื่อนอุบลรัตน์ จัดการให้ผู้เข้าร่วมได้พร้อมที่จะรับความรู้ การนำเสนอเริ่มด้วยการกล่าวถึงจักรวาลที่ยิ่งใหญ่ โลกที่ยืนยาว เพื่อปรับทัศนะให้เห็นความเล็กและสั้นของชีวิต เพื่อเราจะได้มีเมตตา มักน้อย และถ่อมตน ตามด้วยความแตกต่างกันด้วยผู้นำสี่ทิศที่ใช้คำถามเพื่อให้แต่ละคนดูว่าตนเป็นแบบใดและให้สนทนากันในกลุ่มพวกเดียวกัน ช่วงนี้ไม่มีพลังเท่าใดสื่อความแตกต่างไม่ค่อยออก
มีน้อยก็สู้ทุกคนครับ

ตามด้วยคิด 6 แบบโดยใช้เพียงรูปหมวก 6 สี และบอกว่าแต่ละสีเกี่ยวกับอะไรโดยไม่มีรายละเอียด ในการพูดกันและคิดกันนั้น ไม่ได้แบ่งกลุ่มเนื่องจากมีคนจำนวนน้อยและมีภาระกิจเข้าๆ ออกๆ ตลอดการอบรม จึงรวมกันเป็นกลุ่มเดียวและหัวข้อที่พูดคุยกันคือเรื่องการจัดงานครบรอบที่จะมาถึงซึ่งทุกคนมีส่วนเกี่ยวข้อง การพูดคุยเรื่องที่มีข้อสรุปแล้วจึงไม่เกิดพลังในด้านความคิดเพราะทุกคนรู้ว่าจะไม่ได้รับการนำไปปฏิบัติ เมื่อจบการพูดคุยจึงแนะนำให้นำวิธีการนี้ไปใช้ในการทำงานในปีต่อไป แต่เสียดายที่ผู้บริหารส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าร่วม ในการสนทนากันผมเน้นเรื่องการหันหน้าเข้าหากัน และในการทำกิจกรรมเน้นเรื่อง 2 เปิด 4 ไม่ ผมมีอาจารย์อิ่งจาก ฝ่ายวางแผนและพัฒนาคุณภาพ สายงานผลิตไฟฟ้า มาช่วยให้สติ และช่วยบรรยายเวลาที่ผมอับจนความคิด รวมทั้งสะท้อนให้เพื่อการปรับปรุง อาจารย์อิ่งนำวงจรเรียนรู้มาให้คุยกัน
ยามเช้าวันที่ 21 พฤศจิกายน 2555 ริมอ่างรอใส่บาตรพระ

 จบวันแรกต่อวันที่สองด้วยกิจกรรมภาพต่อขยาย ภาพต่อขยายเป็นของอาจารย์สุนทร ดาวประเสริฐ จากโรงไฟฟ้าแม่เมาะเป็นผู้ค้นคิดและพัฒนามาเรื่อย ผมนำมาใช้เพราะเห็นว่ามีจุดเรียนรู้มากมายนำมาเป็นกิจกรรมได้ดี ก่อนถึงกิจกรรมเรานำให้ผู้เข้าร่วมเล่นเกม หาผู้นำ (สิบยี่สิบสามสิบสี่สิบ) เพื่อให้เขาได้ทดลองทำ BAR ไปกลายๆ

เมื่อเริ่มกิจกรรมวาดภาพ เราไม่ได้แยกห้องในการปฏิบัติกิจกรรม จึงอดมีการเปรียบเทียบกันไม่ได้ ในกิจกรรมผมเอา "ข้อเสนอแนะสำหรับการปฏิบัติครั้งต่อไป" (SARs) ของการอบรมระดับ 10 เมื่อปี 2554 มาใช้ให้ทบทวนก่อนการทำกิจกรรม (BAR) กิจกรรมไม่มีพลังจนวิทยากรไร้พลังไปด้วย เราไม่ได้นำเสนอการถอดบทเรียนอย่างเป็นชิ้นเป็นอัน และไม่ได้ให้เขียน  "ข้อเสนอแนะสำหรับการปฏิบัติครั้งต่อไป" (SARs) แบบเฉพาะเจาะจงและนำไปปฏิบัติได้ จบกิจกรรมผมรู้สึกไม่ได้ผลตามที่ต้องการนำเสนอ

นำกลับมาคิดใหม่
ผมมาทบทวนดูและคิดว่าในรุ่นต่อไปจะต้องปรับปรุงอะไรบ้าง กลับมาถึงบ้านวันศุกร์ 23 เวลาประมาณ 20.00 น. ได้นอนบ้านสองคืนเช้าวันอาทิตย์ที่ 25 ต้องเดินทางไปเขื่อนศรีนครินทร์เพื่ออบรมอีก 2 รุ่น น้องสมพรมารับที่บ้าน 06.50 น. ก่อนเวลานัด ผมถึงเขื่อนศรีนครินทร์เวลาประมาณ 16.30 น.
ยามเช้าที่บ้านพัก เอราวัณ เลค รีสอร์ท เขื่อนศรีนครินทร์
รุ่นที่สองและสามเป็นการอบรมนอกสถานที่ที่ปฏิบัติงาน มีการเดินทางมาในตอนเช้าวันอบรมวันแรกและกลับในตอนเย็นของการอบรมวันที่ 2 ผู้ปฏิบัติงานที่เข้าอบรมมีระดับไม่ต่างกันมากนักและเป็นผู้บริหารระดับกลางของหน่วยงาน จำนวนทั้งสองรุ่นประมาณ 70 คน
รุ่นที่สองเรามีการทบทวนร่วมกันในเย็นวันอาทิตย์ 25 และเช้าวันจันทร์ 26 โดยผมนำบทเรียนจากการนำเสนอรุ่นแรกที่เขื่อนสิรินธร มาปรับ รับทราบว่าคณะผู้เข้าอบรมจะมาถึงประมาณ 8.30 น. วางแผนแล้วลงมือปฏิบัติ คราวนี้ผู้เตรียมผู้เข้าอบรมมีทั้งวิทยากรของพื้นที่เอง 3 ท่าน หมอตุ๊ เอนก ทอม คณะผู้จัด 3 ท่าน คุณอรณี น้องปู น้องช่างภาพอีกท่านที่มาช่วยทำให้ Notebook เข้า Internet ได้ มีรถบริการสองคัน น้องป้อม และกวี

เมื่อเวลามาถึงผู้เข้าอบรมมาถึง 9.30 น. พิธีเปิดและ Check-in จบเมื่อ 10.30 น. เราเริ่มช้ากว่าแผนที่วางไว้ 1 ชั่วโมง จบครึ่งวันแรกด้วยผู้นำสิ่ทิศโดยคำถามแบบเดียวกับที่เขื่อนสิรินธรและคุยแบบประเภทเดียวกัน พักเที่ยงมีการนำเสนอผ่อนพักตระหนักรู้ฉบับแม่ชีวัดพลัมแปลไทยประกอบ ประมาณ 22 นาที บ่ายต่อด้วยหมวก 6 แบบ สนทนาเรื่องภาพต่อขยายแต่ให้บริหารเวลาเองและจัดให้มีคุณอำนวย คุณลิขิตจดแล้วนำเสนอ และจบวันแรกด้วยวงจรเรียนรู้ ของอาจารย์พินิจ จากโรงไฟฟ้าแม่เมาะเป็นการสนทนาครั้งที่สาม ให้ผู้เข้าอบรมที่เป็นหัวหน้าสนทนากันว่าจะทำให้เกิดการเรียนรู้ในหน่วยงานได้อย่างไร ในการสนทนาผมไม่ได้เน้นเรื่องหันหน้าเข้าหากันและกติกามากนัก บรรยากาศการสนทนายังไม่ได้ยกระดับ มีคนหายไปจากการอบรมจำนวนหนึ่ง วันที่สองเราเริ่มด้วยเกมผู้นำตามด้วยกิจกรรมภาพต่อขยาย เน้น BAR แบบ SARs จบด้วยการนำเสนอ "ข้อเสนอแนะสำหรับการปฏิบัติครั้งต่อไป" (SARs) ผู้เข้าอบรมจากไปเวลา 15.30 น. หลังจาก Check-out ด้วยการกลับใจ ประธานการอบรม วศ.11 พงษ์เทพ อยู่ด้วยตลอดเป็นกำลังใจที่ดีมากสำหรับทุกฝ่าย ผมยังรู้สึกไม่มีพลังในการนำเสนอให้ได้ผล
ทบทวนอีกครั้ง อาจารย์อิ่ง และน้องวิทยากร ให้ความเห็นในการปรับผมทำ Powerpoint เพิ่มเติมและตัดบางส่วนออกไป

คราวนี้วางแผนว่าผู้เข้าอบรมจะมาถึงประมาณ 9.30 น. เป็นอย่างเร็วเราจะจบ Check-in และกิจกรรมประกอบในเวลา 10.30 น. เข้ามาแตะเรื่องโลกและจักรวาล มนุษย์และผู้นำสี่ทิศ

โดยปรับคำถามใหม่เป็นให้ตรงไม่กำกวม และให้สนทนาสัตว์ประเภทเดียวกันเราเป็นอย่างไร และจะมีสัมพันธ์กับสัวต์ต่างประเภทในฐานะ นาย เพื่อน ลูกน้องอย่างไร จบด้วยการนำเสนอของกลุ่ม ผู้เข้าอบรมมีกระทิง หมี และหนู เราแบ่งหนูออกเป็นสองกลุ่มเพราะมีเยอะมาก ตีระฆังแห่งสติและให้นั่งนิ่งๆ 1 นาทีก่อนคุย บรรยากาศเริ่มดีมีพลัง น่าจะมาถูกทางแล้ว จบครึ่งวันเข้ามี ผ่อนพักตระหนักรู้ เวลา 12.40 น. มีคนมาร่วมไม่มาก
ความคิดหกด้าน

 บ่ายเริ่มด้วยหมวก 6 ใบ คราวนี้เรานำหมวกและประเภทของหมวกมาให้สนทนากันทีละใบ โดยเราเป็นผู้กำหนดเวลาและเรื่องในการสนทนาให้ เวลาในการสนทนา 40 นาที แบ่งเป็น 5 นาทีแรกภาพรวมข้อตกลง 5 นาทีที่สองหมวกสีขาว ข้อมูลจริง 5 นาทีที่สาม หมวกสีแดง อารมณ์ความรู้สึก 5 นาทีที่สี่ หมวกสีเหลือง มองมุมบวกประโยชน์ 5 นาทีที่ห้า หมวกสีดำมองมุมลบอันตรายข้อควรระวัง 5 นาทีที่หก หมวกสีเขียว สร้างสรรค์หลุดโลก 5 นาที่ที่เจ็ด หมวกสีฟ้า ข้อสรุปสู่ความเป็นจริงที่จะนำไปปฏิบัติ 5 นาทีที่แปดสรุปนำเสนอ จบเบรคด้วยการนำเสนอ เริ่มเบรคบ่ายด้วยการทำกิจกรรมภาพต่อขยาย ซึ่งเราไม่ได้นำเกมผู้นำ(สิบยี่สิบสามสิบสี่สิบ)มาเล่นก่อน ให้นำ ข้อสรุปจากการคิดด้วยหมวก 6 ใบมาเป็นตัวตั้งอธิบายว่า หมวกแต่ละใบสัมพันธ์กับ ตาราง BAR แต่ละช่องอย่างไร เน้นการสนทนาด้วย 2 เปิด 5 ไม่

 จบวันแรกเวลาประมาณ 16.30 น. ด้วยภาพแรกของกิจกรรม ปล่อยให้ผู้เข้าอบรมพักและมาต่อกันในวันรุ่งขึ้น วิทยากรทบทวนร่วมกันเห็นพลังในการอบรมเพิ่ม วันนี้ฝนตก ผู้เข้าอบรมไม่หายจากห้อง เวลาทำกิจกรรมภาพต่อขยายปล่อยตามสบายไม่ให้เร่งเวลาเน้น  "ข้อเสนอแนะสำหรับการปฏิบัติครั้งต่อไป" (SARs) วิทยากรช่วยกันดูแลตอบคำถามให้กับผู้เข้าอบรม



วันที่สองเริ่มด้วยกิจกรรมภาพต่อขยายครั้งที่สอง วันนี้มีวิทยากรจากเขื่อนศรีนคริทร์มาช่วยอีก น้องจิ๋ว ช่วยดูแลกลุ่มได้เป็นอย่างดีละเอียดมากจนกลุ่มกระทิงที่เสร็จรวดเร็วต้องช้าลง และกว่าจะจบได้ก็ร่วม 11.00 น. ในครั้งที่สองนี้เรานำ  "ข้อเสนอแนะสำหรับการปฏิบัติครั้งต่อไป" (SARs) ที่เขียนไว้แล้วมาให้เป็นปัจจัยนำเข้าในการทำ BAR ครั้งที่สองด้วย จบกิจกรรมให้นำเสนอ  "ข้อเสนอแนะสำหรับการปฏิบัติครั้งต่อไป" (SARs) ของแต่ละกลุ่มแล้วมาสรุปเรื่องอุปสรรคของการเรียนรู้ ตามด้วยวงจรเรียนรู้ เน้นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้บนพื้นที่ปลอดภัย ไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ไม่ผิดซ้ำ จบครึ่งวันเวลา 12.15 น. 12.40 น. มาผ่อนพักตระหนักรู้ที่มีแต่ ผมผ่อนพักตระหนักรู้คนเดียว สังเกตุแล้วเลยจบก่อนจบเพื่อไม่ให้เสียเวลาใจผู้เข้าอบรมไปอยู่ที่จะกลับแล้ว กลับใจและ Check-out จบเวลา 14.30 น. ทุกรุ่นก่อนจากวิทยากรของแต่ละที่จะทุ่มเททำภาพระหว่างอบรมเป็นของขวัญให้ตอนจบ
ผมก็ได้รับของขวัญและค่าตอบแทนจากการมาบรรยายครั้งนี้ด้วย นั่นเป็นเพียงส่วนเดียวสิ่งที่ได้รับมากคือการเรียนรู้จากผู้เข้าอบรม อาจารย์และวิทยากรร่วมรวมทั้งผู้จัด ได้เรียนรู้บางอย่างจากการเดินทางด้วย ส่วนอาจารย์อิ่งและน้องจิ๋วได้เฉพาะของขวัญ แต่น้องๆวิทยากรของเขื่อนวชิราลงกรณ เป็นผู้จัดเองได้รับอย่างอื่นที่น่าจะคุ้มค่าในการร่วมงานกัน
ในการมาครั้งนี้ผมได้รับการติดต่อก่อนเกษียณ จากวิทยากร KM ของเขื่อนวชิราลงกรณ ซึ่งมีด้วยกัน 5 ท่าน ใหญ่ บุญนาค หมอตุ๊ เอนก และทอม ใหญ่ย้ายไปกรุงเทพด้วยภาระ ใหญ่เป็นคนติดต่อผมและทอมประสานต่อ ผมคิดหลักสูตรนี้จากแรงบันดาลใจเมื่อมีการทบทวนการสอน KM ให้วิทยากร KM ของสายรวฟ. เมื่อก่อนผมเกษียณ ครั้งนั้นมีการสอน BAR แบบ ชฟฟ.3 ใช้กิจกรรมตะเกียบ โดยหลังจากที่ผมเห็นน้องๆ บรรยายแล้วมีความรู้สึกว่า ถ้าเราเพิ่มพื้นฐานการคิดถึงทุกระบบ ปรับรูปแบบการคิด และกระตุ้นพัฒนาการสู่ความเป็นเลิศของบุคคลได้ การร่วมกันคิด การมุ่งไปสู่เป้าประสงค์เดียวกันจะง่ายขึ้น การทำ BAR AAR ลปรร. ล้วนต้องการทักษะการประสานกันในการเรียนรู้ร่วมกัน บนเครื่องมือที่ผมเล่ามานั้น ที่สำคัญคุณจะให้ใครทำอะไรควรให้เขาศรัทธาที่จะทำมิใช่บังคับด้วยตัววัดต่างๆ
ผมเก็บของมาตั้งแต่เช้าแล้วพร้อมเดินทางออกจากเขื่อนศรีนครินทร์มาเวลา 15.00 น. ผมมาพักที่หน้า สนก.กฟผ. ถึงประมาณ 19.00 น. ได้น้องอ้วนที่แสนดีจองที่พักให้ ออกเดินทางมากับกวี ตั้งแต่ 07.30 น. ถึงบ้านลำปาง 14.00 น. โดยสวัสดิภาพ
BAR & AAR แบบอาจารย์สุนทร ดาวประเสริฐ โรงไฟฟ้่าแม่เมาะ

ทุกครั้งที่ออกแบบหลักสูตรลักษณะนี้เมื่อลงมือนำไปปฏิบัติจริงผมมีปัญหาอยู่สองสามประการ ได้แก่ ประการแรก เวลาที่ใช้มักจะไม่พอ ผมออกแบบสิ่งที่นำเสนอต้องใช้เวลาดูแล้วหลักสูตรนี้ถ้าจะนำเสนอให้ครบถ้วนจริงผมคิดว่าประมาณ 4 วัน ประการที่สอง การใช้คำนำเสนอ ผมใช้ภาษายังไม่เหมาะกับผู้เข้ารับการอบรม ใช้ภาษาของวิทยากรมากกว่าภาษาของผู้เข้ารับการอบรม ประการที่สาม การใช้คำถาม ผมยังไม่สามารถใช้คำถามที่เจาะจงถามแล้วผู้เข้าอบรมไม่ต้องถามย้อนกลับ ประการสุดท้าย ถ้าผมไม่มีผู้ร่วมสะท้อน ไม่มีผู้คอยสังเกตุและช่วยปรับผมคงไปไม่รอด ผมยังต้องการทีมมากกว่าทีมต้องการผมกระมัง นี้เป็นปัญหาประการสุดท้ายที่คิดได้แต่เมื่อคิดได้อีกผมจะเรียนรู้อีกต่อไป
ที่เล่ามานั้นเป็นเพียงบางส่วน ของยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น หากระลึกได้อีกผมจะนำมาเสนอให้ทราบต่อ