วันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เรียนรู้ระหว่างการเดินทาง

เมื่อเราเดินทางการพบเห็นสิ่งต่างๆ สร้างการเรียนรู้ได้ มีคำกล่าวว่า
"ผู้ได้อ่านหนังสือหมื่นเล่ม เดินทางหมื่นลี้ย่อมเป็นนักปราชญ์"(ขงจื้อ)
 วันที่ 23 พฤศจิกายน 2555 ผมมีกำหนดเดินทางจากจังหวัดอุบลราชธานี กลับบ้านที่จังหวัดลำปาง หลังจากเป็นวิทยากรในหลักสูตร BAR & AAR Workshop. ที่เขื่อนสิรินธร ออกเดินทางจากเขื่อนสิรินธรโดยรถยนต์ กฟผ. เวลา 06.50 น. น้องพามาส่งที่สนามบินนานาชาติอุบลราชธานีเวลา 07.30 น. Check-in เสร็จเรียบร้อยลาจากกัน น้องๆ เดินทางต่อไปยังจังหวัดขอนแก่น บอกน้องไม่ต้องห่วงเวลาขึ้นเครื่องบินประมาณ 08.30 น. เครื่องบินจะออกเวลา 09.00 น. และไปถึงจังหวัดเชียงใหม่เวลา 10.10 น. เมื่อถึงเวลา 08.50 น. มีประกาศจาก แอร์เอเชียว่าเครื่องบินล่าช้ากำหนดเวลาออกไหม่เป็นเวลา 10.50 น. ขณะนั้นคิดเพียงว่าไม่เป็นไรคงไปถึงบ้านลำปางไม่เกิน 14.00 น. เอากระเป๋า Load แล้วไม่เป็นไรมีเป้ใบเดียวกับคอมพิวเตอร์ก็เดินเตร่ในสนามบินไปและหาอาหารเช้าง่ายๆ รับประทานไปก่อน เลือกทานข้าวต่้มหมูจากร้านริมสุดด้านซ้ายมือ เหมือนข้าวสวยใส่น้ำต้มหมูพอแก้ขัดไปได้ นั่งรอพลางเล่นโทรศัพท์เชื่อมต่อ Wifi ของ กระทรวง ICT สมัครโดยใช้เลขที่บัตรประชาชน เชื่อมต่อได้เร็วพอสมควรอ่าน Email และเล่น Facebook ได้ เบื่อก็เดินไปรอบๆ ห้องพักรอมีคนร่วมชะตากรรมหลายร้อยคน บางคนเข้าไปรอด้านในห้องผู้โดยสารขาออก แล้วกลับออกมาใหม่
เวลา 10.30 น. มีประกาศว่าเนื่องจากต้องรอเครื่องบินขาเข้าเที่ยวบินจำเป็นต้องล่าช้ากำหนดการบินใหม่ยังไม่ระบุ ขอให้ผู้โดยสารมารับคูปองอาหาร มูลค่า 80 บาทได้ที่ Counter Check-in ผู้โดยสารเริ่มกระวนกระวาย มีผู้โดยสารท่านหนึ่งถึงกับอุทานว่าอะไรกันผมมีประชุมที่จังหวัดเชียงใหม่อย่างนี้เสียหายหมดอุตส่าห์เหมารถมาจากจังหวัดสุรินทร์ตั้งแต่เช้าเพื่อเดินทาง และต่อด้วยระบุว่าเที่ยวบินของแอร์เอเชียเป็น FD ย่อมาจาก Flight Delay ท่านบอกว่าเพื่อนที่ประเทศสิงคโปร์เป็นผู้บอก มีผู้โดยสารอีกกลุ่มน่าจะเป็นดาราหรือนักร้องที่มีงาน Event ในจังหวัดเชียงใหม่ประมาณ 4 ท่าน รู้สึกมีอารมณ์ไม่พอใจมากพูดกันว่าน่าจะคืนตั๋วแล้วกลับไปเที่ยวจังหวัดอุบลราชธานีต่อดีกว่า ผมไปขอรับคูปองอาหารจากพนักงานภาคพื้นดินที่ Counter Check-in พนักงานระบุว่าใช้ได้ทุกร้านยกเว้นที่ร้านแบล็คแคนยอน ผมเดินไปดูรอบๆ มีหลายท่านได้นำไปแลกอาหารประเภทต่างๆ ผมสังเกตุดูมีร้านอาหารอยู่ประมาณสี่ร้านไม่รวมร้านแบล็คแคนยอน อาหารที่มีเกือบทุกร้านคือซาลาเปาและขนมจีบ นอกจากนั้นมีอาหารตามสั่งบ้าง ขนมเค็กบ้าง มีอยู่ร้านหนึ่งที่นำอาหารแช่แข็งปรุงสำเร็จของ CP เช่น สปาเก็ตตี้ เป็นต้น ซึ่งนำมาอุ่นแล้วจะขายราคาประมาณ 100 - 120 บาท ผม่ทานกาแฟสดร้อน 1 แก้ว ขนมจีบชุดเล็ก 4 ชิ้น และน้ำเปล่า 1 ขวด เป็นราคา 80 บาทพอดี คูปองนี้ร้านค้าไม่ทอนเงินสดให้เราต้องใช้ให้หมด บางคนบ่นว่าค่าเสียเวลาเราได้เพียงเท่านี้หรือ มีค่าเพียง 80 บาทเท่านั้นเอง
ผมสอบถามพนักงานแอร์เอเชียว่าเราจะได้ค่าเสียเวลาหรือไม่ เธอตอบว่า หากเราซื้อประกันมาจะได้รับค่าเสียหาย ผมไม่ค่อยเข้าใจเรื่องประกันเท่าไรนักสอบถามน้องเพิ่มเติมว่าแล้วบัตรโดยสารของผมรวมค่าประกันด้วยหรือไม่ เธอตรวจสอบให้แล้วแจ้งว่าไม่มีค่ะ
เวลา11.30 น. มีประกาศว่ากำหนดเวลาออกใหม่เป็นเวลา 13.55 น. สอบถามพนักงานเธอบอกว่าเครื่องจากเชียงใหม่้ไม่มีต้องนำเครื่องจากกรุงเทพไปรับที่เชียงใหม่และจะมาถึงอุบลฯ ประมาณ 13.30 น. กำหนดเวลานี้แน่นอนแล้ว ผมแจ้งกับเธอว่าผมต้องการเบิกเงินที่ตู้ ATM ซึ่งภายในสนามบินมีเพียงตู้เดียวและเสีย เธอเอื้อเฟื้อพาไปส่งที่หน้า รพ.โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ซึ่งไม่ไกลจากสนามบินเท่าไรนัก ระหว่างรอเธอรับกลับอยู่ด้านหน้าโรงพยาบาลนั้นได้เห็นรถเข็นขายลูกชิ้นทอดหลายเจ้าจอดเรียงกันสังเกตุดูมีลูกชิ้นทอดแล้วมีผักสดไว้ให้ด้วยเมื่อลูกค้ามาซื้อลูกชิ้นจะเลือกหยิบผักสดไปด้วย เป็นการดีต่อสุขภาพเมื่อพนักงานแอร์เอเชียมารับได้สอบถามเธอ เธอเล่าว่ามีทุกเจ้าในจังหวัดอุบลและย้อนถามว่าที่อื่นไม่มีหรือ บอกเธอว่าที่จังหวัดลำปางไม่มี
กลับมาถึงสนามบินเวลา 12.30 น. หิวไปทานอาหารร้านเดิมเมื่อเช้า แต่เปลี่ยนเป็นข้าวราดผัดกระเพราหมูยอไข่ดาวและน้ำเปล่า 1 ขวด ราคา 80 บาทพอดี ทานเสร็จเข้าห้องน้ำแล้วเข้าไปรอในห้องผู้โดยสารขาออก ผ่านเครื่องตรวจต้องเอาคอมพิวเตอร์ออกจากกระเป๋าเหมือนที่สุวรรณภูมิ แต่ผ่านเครื่องทั้งที่มีสร้อยพระที่ผ่านเครื่องที่ไหนก็จะดังแต่ผ่านเครื่องที่สนามบินอุบลฯ ไม่ดัง ระหว่างรอเครื่องเหลือบไปเห็นร้านแบล็คแคนยอนที่ลูกค้า AIS จะได้เครื่องดื่มฟรี 1 แก้ว เลยใช้บริการฟรีซะ
เวลา 13.50 น. เรียกขึ้นเครื่องเห็นผู้ร่วมชะตากรรมต่างไปด้วยกันรวมทั้งกลุ่มดาราหรือนักร้องด้วย เครื่องถึงเชียงใหม่เวลา 15.30 น. ระหว่างรอกระเป๋าได้ติดต่อ TAXI Meter ในห้องผู้โดยสารขาเข้าเพื่อไปยังสถานีขนส่งอาเขตุ ราคา 170 บาท รับกระเป๋าแล้วออกมารอเป็นคิวที่ 13 รอประมาณ 15 นาทีมีรถมารับเดินทางไปถึง เวลา 16.00 น. TAXI ส่งที่อาเขตุ 3 เป็นสถานีรถปรับอากาศชั้น 1 สอบถามไม่มีรถที่แน่นอนต้องรอที่ว่างจึงจะขายตั๋วให้ เลยลากกระเป๋าข้ามมายัง อาเขตุ 2 ห่างกันประมาณ 100 เมตร ซื้อตั๋วรถตู้เชียงใหม่ลำปาง ราคา 71 บาท รถมีออกทุกหนึ่งชั่วโมง เที่ยวแรก 06.30 น. เที่ยวสุดท้าย 18.30 น. ผม่ได้รถเที่ยว 17.30 น. ต้องรอประมาณ 1 ชั่วโมง ไม่รู้จะไปไหนเพราะมีกระเป๋าเป็นตัวถ่วงนั่งรอเวลาประมาณ 17.20 น. รถมาถึง รถตู้นี้นั่งได้ 17 คน ข้างคนขับ 2 คน ข้างหลัง 5 แถวๆ ละ 3 คน ต้องเลือก(แย่่งกัน)ที่นั่งเอาเองขึ้นเป็นคนที่ 12 ได้ที่นั่งแกวที่ 2 คนขับรถตู้เป็นผู้หญิง กระเป๋าเดินทางวางตรงประตูทางขึ้นมีคนอื่นอีกคนเอากระเป๋าเดินทางมาเหมือนกันนึกว่าต้องเอาไว้ข้างบนแต่คนขับอาตั้งไว้ทั้งสองใบซ้อนกันตรงประตูทางขึ้น รถออกก่อนเวลาเล็กน้อย เย็นวันศุกร์รถแน่นถนนมาก จากเชียงใหม่มาลำพูนรถเยอะมาก เลยจากลำพูนรถน้อยลงมาถึงสถานีขนส่งลำปางเวลา 19.00 น. เหมาะรถสองแกวมายังบ้านพักตำบลพิชัย อำเภอเมืองลำปางห่างจากสถานีขนส่งลำปาง 18 ก.ม. ถึงบ้านเวลา 20.00 น.การเดินทางที่ยาวนานจบลงครั้งนี้ที่บ้าน ตลอดระยะทางเมื่อออกจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งผมจะรายงานให้ผู้ที่รอคอยได้ทราบว่าถึงไหนแล้วเพื่อให้ทั้งเขาและเราสบายใจคลายความกังวลใจ
มาถึงเชียงใหม่ช้ากว่าที่กำหนดเดิม 5 ชั่วโมงกว่า (จาก 10.10 น. มาถึง 15.30 น.) ตลอดเวลาของการเดินทางที่ยาวนานนี้ได้เรียนรู้ที่จะรอคอย รอเวลา รอกำหนดที่จะมาถึง พลางคำนึงว่าเรามีทางเลือกไหมทางเลือกที่จะทำให้ระยะทางและเวลาลัดสั้นถึงที่หมายตามปรารถนา ทางเลือกอาจมีมากกว่าหนึ่งทางแต่ทางที่ทำแล้วมีเพียงทางเดียวทางที่ทำแล้ว การตัดสินใจเหมาะสมในแต่ละครั้งแล้วและสิ่งที่ทำแล้วทำคืนไม่ได้
เป็นวันเวลาอันยาวนานสำหรับการเดินทางกลับ บอกกับผู้คนทั้งหลายว่า เวลาประกอบด้วยสิ่งสำคัญสองประการคืออดทนและรอคอยได้ บนพื้นฐานประการสำคัญคือเมตตา สิ่งนี้คือพื้นฐานการคิดของผมด้วยเช่นกัน อดทนและรอคอย ด้วยความเมตตา 
ชีวิตเป็นของที่ต้องพึ่งพาสิ่งภายนอก ถ้าเราพึ่งสิ่งภายนอกน้อยเพียงใดเราจะกำหนดสิ่งต่างๆ ใกล้เคียงความเป็นจริงมากขึ้น ถ้าเราพึ่งพาสิ่งภายนอกมากเราก็จะกำหนดสิ่งต่างๆ ห่างไกลจากความเป็นจริงมากขึ้นด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น